top of page

Alaska USA

ครั้งหนึ่งในชีวิต ทัวร์อะลาสกา
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีสุดอลังการ
27 กย - 7 ตค 2025 ( 11 วัน 9 คืน ) เต็ม
เจาะลึกดินแดนสุดขอบโลกอันน่ามหัศจรรย์ ชมกลาเซียร์ธารน้ำแข็งยิ่งใหญ่ตระการตา ป่าเปลี่ยนสีงดงามราวภาพวาด ล่าแสงเหนือแรงสุดในรอบ 11 ปี เที่ยวชมเมืองขั้วโลกเหนือแฟร์แบงก์ แช่น้ำร้อนธรรมชาติสุดฟิน ล่องเรือชมกลาเซียร์ เที่ยวอุทยานแห่งชาติเดนาลี เยี่ยมชมวิถีชีวิตชนท้องถิ่น ตื่นตาตื่นใจกับท่อส่งน้ำมัน 1,300 กิโลเมตร สัมผัสชีวิตสัตว์ป่าแดนขั้วโลก หมีสีน้ำตาล กวางมูส สิงโตทะเล วาฬ นก และอื่นๆ อีกมากมาย เดินทางด้วยรถท่องเที่ยวทัวร์อะลาสก้าในทริปเดียว นำทริปและถ่ายภาพโดยอาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร กรุ๊ปเดียวเท่านั้น 
GLACIER.jpg

ค่าใช้จ่ายท่านละ 138,000 บาท (สมาชิกเก่า ลดท่านละ 3,000 บาท)

มัดจำท่านละ 60,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2568

( กรณีจองหลังวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ชำระค่าทัวร์เต็มจำนวน )

 

ค่าทัวร์รวม

โรงแรมที่พักตามที่ระบุในรายการทัวร์พร้อมอาหารเช้า

รถนำเที่ยวตลอดทริป มินิบัสขนาด 15 ที่นั่ง

ล่องเรือชมกลาเซียร์ ธารน้ำแข็ง

ค่าธรรมเนียมสถานที่ทุกแห่งตามโปรแกรม

 

ค่าทัวร์ไม่รวม

วีซ่าอเมริกา

ตั๋วเครื่องบิน ( ชั้นประหยัดประมาณ 56,000 ขึ้นกับวันออกตั๋ว )

อาหารกลางวันและอาหารค่ำ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ระบุในรายการทัวร์

 

จำนวนสมาชิก : รับเพียง 10 ท่าน

พาหนะการเดินทาง : มินิบัสขนาด 15 ที่นั่ง

สภาพอากาศ : ช่วงเวลาที่เดินทางไปเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี กลางวันประมาณ 8 - 15 องศา 

กระเป๋าเดินทาง : ขนาดสูงไม่เกิน 29 นิ้ว ท่านละ 1 ใบ

การยกเลิก

ยกเลิกมากกว่า 90 วัน หักค่าดำเนินการ 20,000 บาท

ยกเลิก 60-90 วันก่อนเดินทาง ไม่คืนเงินมัดจำ

ยกเลิก 59-30 วันก่อนเดินทาง หัก 50%

ยกเลิกน้อยกว่า 30 วันก่อนเดินทาง ไม่คืนเงินทุกกรณี

กำหนดการ  ( พระอาทิตย์ขึ้น 07.30 , ตก 19.00 )

 

27 กันยายน 2568 กรุงเทพ - แองเคอเรจ

05.00 พร้อมก้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็กอินเค้าท์เตอร์สายการบินแจแปนแอร์ไลน์

08.05 ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน JL708

16.15 เดินทางถึงสนามบินนาริตะ  

17.40 ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน JL068 ถึงสนามบินซีแอทเติล อเมริกาเวลา 10.25 

12.40 ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน JL6344  

15.17 เดินทางถึงเมืองแองเคอเรจ รัฐอะลาสก้า นำท่านเช็กอินเข้าที่พัก

พักโรงแรม Comfort Suites Anchorage International Airport 

ak62.jpg

28 กันยายน 2568   Talkeetna Roadhouse , Denali National Park , Savage River Loop

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินทางไป Talkeetna ( ประมาณ 2 ชั่วโมง แวะชมร้านค้าและร้านอาหารสุดเก๋ เช่น Talkeetna Roadhouse อันโด่งดัง เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20

  จากนั้นเดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอะลาสก้า นั่นคือ Denali National Park ที่นี่มียอดเขา Denali ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกา ระหว่างทางจะเห็นป่าเปลี่ยนสีที่สวยงาม นำท่านเดินเทรลชมทิวทัศน์บนเส้นทางเดินง่ายๆ ที่ Savage River Loop ระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร ที่นี่มีโอกาสพบเห็นกวางมูส ซึ่งเป็นกวางที่มีขนาดใหญ่มาก เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของอะลาสก้าก็ว่าได้ เส้นทางเดินราบๆ แทบไม่มีทางชัน โดยเดินลัดเลาะไปตามริมแม่น้ำที่แวดล้อมไปด้วยทิวเขาและทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายภาพตลอดทาง

   ช่วงกลางคืน หากท้องฟ้าเปิดจะนำท่านออกล่าแสงเหนือ ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพอากาศและระดับความแรงของแสงเหนือ

พักโรงแรม Aurora Denali Lodge ไม่มีอาหารเช้า

29 กันยายน 2568   Fairbanks , University of Alaska Museum of the North, Fountainhead Antique Auto Museum , Wedgewood Wildlife Sanctuary , Morris Thompson Cultural Center

  เช้า ออกเดินทางต่อไปยังเมืองแฟร์แบ๊งค์ เมืองที่อยู่ทางตอนเหนือใกล้เส้นอาร์คติกเซอร์เคิล ทำให้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อน มีแสงสว่างตลอด 24 ชั่วโมง และเห็นแสงเหนือในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเมษายนของทุกปี และได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่เห็นแสงเหนือมากที่สุดในโลก เนื่องจากท้องฟ้ามักปรอดโปร่งและมีเมฆน้อยมาก 

  จุดหมายแรกนำท่านเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ University of Alaska Museum of the North จัดแสดงเกี่ยวกับความเป็นมาของอะลาสก้า เรื่องราวของชนพื้นเมือง วิถีชีวิต รวมทั้งสัตว์ท้องถิ่นที่น่าสนใจ อาทิ หมีกรีซลี หมีสีน้ำตาล กวางมูส หมีขาว แมวน้ำ สิงโตทะเล วาฬ นก และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแถบซีกโลกเหนือ 

  จากนั้นไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์รถใบราณ Fountainhead Antique Auto Museum เป็นพิพิธภัณฑ์รถยนต์คลาสสิกและวินเทจชั้นนำแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา คอลเลกชันของเรามีรถยนต์ที่ได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงามกว่า 115 คัน รวมถึงรถยนต์วินเทจหลายพันคันตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ถึงกลางศตวรรษที่ 20 โดยมีมากกว่า 80 คันที่จัดแสดงอยู่ นอกจากนี้คุณยังจะได้พบกับนิทรรศการ สิ่งประดิษฐ์ ภาพถ่าย และวิดีโอมากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความรักในยุคแรกของอเมริกากับรถยนต์และประวัติศาสตร์รถยนต์ในยุคแรกของอะลาสกา เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเยือนเมืองแฟร์แบงก์

  เย็น นำท่านเดินเทรลสั้นๆ Wedgewood Wildlife Sanctuary ชมทิวทัศน์รอบทะเลสาบ และชีวิตสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในแถบนั้น  ปิดท้ายวันนี้ที่ Morris Thompson Cultural Center เยี่ยมชมและถ่ายภาพซุ้มประตูเขากวางเรนเดียร์ กวางคาริบูที่รวมเอาไว้นับร้อย เป็นจุดเช็กอินถ่ายภาพที่น่าประทับใจมากทีเดียว

   ช่วงกลางคืน หากท้องฟ้าเปิดจะนำท่านออกล่าแสงเหนือ ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพอากาศและระดับความแรงของแสงเหนือ

พักโรงแรม  Best Western Plus Pioneer Park Inn Fairbanks

30 กันยายน 2568   Chena Hot Springs , Santa Claus House ,  Copper Center , Trans-Alaska Pipeline System , Valdez

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินทางไปบ่อน้ำพุร้อน Chena Hot Springs ก่อตั้งเมื่อ100 ปีก่อนโดยพี่น้องสองคนคือ Robert และThomasSwan เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในอะลาสก้า ให้ท่านได้ลองแช่น้ำร้อนซึ่งอุณหภูมิของน้ำจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 40-75 องศา  สามารถช่วยส่งเสริมการผ่อนคลาย และลดระดับความเครียด น้ำอุ่น และแร่ธาตุสามารถช่วยบรรเทากล้ามเนื้อ และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต แร่ธาตุที่พบในน้ำพุร้อน เช่น กำมะถัน แมกนีเซียม ได้รับการทดลองว่าช่วยบรรเทาอาการปวด และการอักเสบในร่างกาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบหรืออาการปวดเรื้อรังอื่นๆ ( ไม่ควรใช้เวลาเกิน 15 นาที )

  จากนั้นไปชมบ้านซาตาคลอส” (Santa Claus House) ที่มีประวัติย้อนหลังไปในปี 1949 คอนและเนลลี มิลเลอร์เดินทางมาถึงแฟร์แบงก์ คอนมุ่งมั่นที่จะหาเลี้ยงชีพในดินแดนใหม่ของอะลาสก้า ในไม่ช้าเขาก็ได้กลายเป็นพ่อค้าและผู้ซื้อขนสัตว์ในหมู่บ้านโดยรอบ คอนสวมชุดซานต้าสีแดงเก่าๆ ทุกๆ คริสต์มาส และได้รับสถานะเป็นซานตาคลอสในสายตาของเด็กในหมู่บ้าน ต่อมาในปี 1952 ครอบครัวมิลเลอร์ได้ตัดสินใจสร้างสถานีการค้าห่างจากแฟร์แบงก์สไปทางใต้ประมาณ 13 ไมล์ ในพื้นที่ที่เพิ่งได้รับการขนานนามว่า "ขั้วโลกเหนือ" วันหนึ่ง ขณะที่กำลังทำงานอย่างหนักในร้านใหม่ เด็กชายชาวอลาสก้าคนหนึ่งจำคอนได้และถามว่า "สวัสดี ซานต้าคลอส คุณกำลังสร้างบ้านหลังใหม่หรือเปล่า" แรงบันดาลใจก็ผุดขึ้นมา ร้านใหม่จึงมีชื่อว่า "บ้านซานต้าคลอส!" ตกแต่งร้านอย่างสวยงามเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง โดยมีสโลแกนประจำร้านว่า "ทุกๆ วันที่นี่คือวันคริสต์มาส"

  บ่าย เดินทางต่อไปยัง Copper Center ระหว่างทางจะมองเห็นท่อส่งน้ำมันหรือ Trans-Alaska Pipeline System เป็นท่องส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดของโลก โดยส่งน้ำมันจาก Prudhoe Bay ทางเหนือสุดของอะลาสก้า ติดกับมหาสมุทร Arctic ลงไปจนถึงเมือง Valdez มีความยาวกว่า 1,300 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางจะพบกับป่าเปลี่ยนสีที่สวยงามอลังการ ตัดกับกลาเซียร์หรือธารน้ำแข็งที่มีอยู่มากมาย มีจุดชมวิวให้แวะถ่ายภาพกันอย่างสนุกตลอดทาง

   ช่วงกลางคืน หากท้องฟ้าเปิดจะนำท่านออกล่าแสงเหนือ ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพอากาศและระดับความแรงของแสงเหนือ

พักที่ Tolsona Lake Lodge

1 ตุลาคม 2568    Willow Creek , 6 Miles Straight Road , Worthington Glacier , Horsetail Falls , Valdez

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ออกเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 4 มุ่งหน้าลงใต้ เส้นทางจากมองเห็นอุทยานแห่งชาติใหญ่ที่สุดของอเมริกา Wrangell-St. Elias National Park แวดล้อมไปด้วยป่าเปลี่ยนสีอันตระการตา โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะที่สวยงาม แวะถ่ายภาพที่จุดชมวิว Willow Creek จากนั้นไปถ่ายภาพกันที่ 6 Miles Straight Road เป็นถนนที่ตัดตรงราวกับไม้บรรทัดยาวประมาณ 10 กิโลเมตร เส้นทางเป็นเนินสูงๆ ต่ำๆ ทำให้มองเห็นถนนกับทิวทัศน์ที่กว้างไกลและสวยงาม 

  จุดหมายต่อไปเที่ยวชม Worthington Glacier เป็นกลาเซียร์หรือธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ชัดเจนจากริมถนน แวะถ่ายภาพในจุดที่สวยงามโดยมีฉากหลังเป็นกลาเซียร์อันยิ่งใหญ่ จากนั้นไปชมน้ำตก Horsetail Falls มีขนาดใหญ่พอสมควร ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่พอดี จากนั้นเดินทางต่อจนสุดถนนหมายเลข 4 ที่เมือง Valdez เมืองเล็กๆ ชายฝั่งทะเลที่เชื่อมต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิก รอบๆ เมืองมีทิวทัศน์ที่งดงามมากทีเดียว

พักที่ Best Western Valdez Harbor Inn

AK78.jpg

2 ตุลาคม 2568  Matanuska Glacier , Alaska Native Heritage Center , Anchorage 

   หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินทางย้อนกลับเส้นทางเดิมทางหลวงหมายเลข 4 เที่ยวชมธารน้ำแข็ง Matanuska Glacier  ที่มีความยาวมากถึง 43 กิโลเมตร กว้างมากถึง 6 กิโลเมตร นับเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถเข้าถึงได้โดยรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าทางด้านล่างของธารน้ำแข็งจะละลายอย่างรวดเร็ว แต่ทำให้ธารน้ำแข็งเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ ส่งผลให้จุดสิ้นสุดของธารน้ำแข็งแห่งนี้นับตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ต่างกับธารน้ำแข็งทั่วๆ ไปที่มักหายไปเนื่องจากละลายจนหมด

   เส้นทางในวันนี้จะผ่านพื้นที่ป่าเปลี่ยนสีที่สวยงามหลายอย่างอาทิ Chickaloon , Sutton-Alpine แวะถ่ายภาพในจุดที่สวยงามไปจนถึงเมืองแองเคอเรจ

   บ่ายนำท่านเที่ยวชม Alaska Native Heritage Center ก่อตั้งขึ้นโดยการลงคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ของ Alaska Federation of Natives ในปี 1987 เปิดประตูต้อนรับสาธารณชนในเดือนพฤษภาคม ปี 1999 และฉลองครบรอบ 25 ปีในปี 2024 ที่ผ่านมา เป็นศูนย์รวบรวมเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวอะลาสก้าท้องถิ่น มีการจัดแสดงบ้านไม้แบบโบราณในพื้นที่กลางแจ้งให้ชม และห้องแสดงนิทรรศการต่างๆ ช่วยให้เข้าใจอะลาสก้าได้อย่างลึกซึ้ง

   ช่วงกลางคืน หากท้องฟ้าเปิดจะนำท่านออกล่าแสงเหนือ ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพอากาศและระดับความแรงของแสงเหนือ

พักที่ Comfort Suites Anchorage International Airport 

3 ตุลาคม 2568   Alaska Wildlife Conservation Center , Whittier , ล่องเรือ 26 Glacier Cruise , Prince William Sound

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางมุ่งหน้าลงใต้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจะถึง Alaska Wildlife Conservation Center สถานรับเลี้ยงดูแลสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ สัตว์ส่วนใหญ่ที่นี่เป็นสัตว์ท้องถิ่นของเขต Arctic ที่อาศัยอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติของอะลาสก้า หลายชนิดหาดูได้ยากมากในธรรมชาติ แต่ที่นี่สามารถชมและถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิด 

  จากนั้นนำท่านเดินทางไปเมืองเล็กๆ ชื่อ Whittier เรือออกเวลา 12.00 น. ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 5 ชั่วโมง เป็นไฮไลท์ที่น่าประทับใจมากกับการมาเยือนอะลาสก้าครั้งนี้ โดยเป็นเรือระดับเฟิร์สคลาส นำท่าน

สำรวจผืนน้ำอันเงียบสงบและทัศนียภาพอันสวยงามของ Prince William Sound ตื่นตาตื่นใจกับกลาเซียร์ที่มีอยู่มากมาย และฟยอร์ดที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็ง ระหว่างเดินทางจะพบกับสัตว์ทะเลนานชนิด อาทิ แมวน้ำ นกทะเล ปลาวาฬเพชฌฆาต วาฬหลังค่อม สิงโตทะเล หมีดำ แพะภูเขา และมีบริการฟรีอาหาร พร้อมเครื่องดื่มสำหรับทุกท่านอีกด้วย

   ไฮไลท์ของการล่องเรือคือ Prince William Sound เป็นแหล่งรวมของธารน้ำแข็งที่มีความหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นับรวมแล้วมีมากถึง 26 กลาเซียร์ และหากโชคดีจะพบเห็นธารน้ำแข็งที่อยู่ติดกับทะเลพังถล่มลงมา กลายเป็นก้อนน้ำแข็งยักษ์ลอยอยู่ในทะเล ก่อนที่จะละลายกลายเป็นน้ำในที่สุดซึ่งอาจกินเวลานานนับอาทิตย์หรือนานกว่านั้น

พักที่ Alyeska Resort

4 ตุลาคม 2568   Seward , Mt. Alyeska ,  Kenai Fjords National Park , ล่องเรือชมชีวิตสัตว์ทะเล

   หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านนั่งกระเช้าขึ้นไปชมวิวบนยอดเขา Mt. Alyeska ใช้เวลาเพียง 10 นาทีก็มองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาหิมะและกลาเซียร์รอบทิศได้อย่างสวยงาม จากนั้นกลับที่พักเช็กเอ้าท์เพื่อออกเดินทางกันต่อ เส้นทางวันนี้จะใช้ทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าลงใต้ แวะถ่ายภาพที่ทะเลสาบ Tern Lake Pullover หากน้ำนิ่งปราศจากลม จะมองเห็นวิวภูเขากับเงาสะท้อนน้ำที่สวยงาม 

   จุดหมายวันนี้อยู่ที่เมืองเล็กๆ ริมทะเลชื่อ Seward นำท่านลงเรือเพื่อเที่ยวชมธรรมชาติและสัตว์ทะเล อาทิ ปลาวาฬ นากทะเล สิงโตทะเลสเตลเลอร์ ปลาโลมาดอลล์ แมวน้ำท่าเรือ นกอินทรีหัวขาว นกพัฟฟิน และนกทะเลชนิดอื่นๆ อีกมากมาย การล่องเรือครั้งนี้มีกัปตันที่มีความรู้ของเราเป็นผู้บรรยายให้ฟังอย่างครบถ้วน คุณอาจได้เห็นธารน้ำแข็งบนภูเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขา Chugach และ Kenai เรือจะแล่นผ่านธารน้ำแข็ง Bear ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติ Kenai Fjords เส้นทางล่องเรือนี้เป็นเส้นทางเดียวกับที่ประธานาธิบดีโอบามาได้มาเยือนในปี 2015

พักที่ Harbor 360 Hotel Seward 

5 ตุลาคม 2568   Exit Glacier

   หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินเทรลชมทิวทัศน์ที่จุดชมวิว Exit Glacier ธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็นหนึ่งจากทั้งหมด 35 แห่งที่ประกอบกันเป็นทุ่งน้ำแข็งฮาร์ดิงในเทือกเขาเคนายของอะลาสก้า โดยในปี 1968 คณะสำรวจได้ข้ามทุ่งน้ำแข็งได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อสิ้นสุดการเดินทาง พวกเขาออกจากทุ่งน้ำแข็งโดยลงจากธารน้ำแข็ง ต่อมาตั้งชื่อว่า “Exit” เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว จากลานจอดรถมีเทรลเดินเพื่อขึ้นไปชมธารน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ได้

   จากนั้นเดินทางกลับไปยังเมืองแองเคอเรจ แวะถ่ายภาพตามจุดชมวิวที่สวยงามระหว่างทาง เย็นอิสระเดินเที่ยวชมเมืองและช้อปปิ้งซื้อของที่ระลึก

พักที่ Comfort Suites Anchorage International Airport 

6 ตุลาคม 2568  Anchorage - นาริตะ

04.00 เดินทางไปสนามบินเช็กอิน

07.00 ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน JL6345

11.25 เดินทางถึงสนามบินซีแอตเติล

13.30 ออกเดินทางต่อโดยสายการบินแจแปนแอร์ไลน์ เที่ยวบิน JL067

 

7 ตุลาคม 2568  

15.45 เดินทางถึงสนามบินนาริตะ

18.20 ออกเดินทางจากสนามบินนาริตะ

23.00 เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ

bottom of page