
เจาะลึกแคนาดา ตะวันออก-ตะวันตก
คานาเดี้ยนร็อคกี้ ล่าแสงเหนือแจสเปอร์
น้ำตกไนแองการา แวนคูเวอร์
โตรอนโต ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
22 กันยายน - 6 ตุลาคม 2566
รับสมาชิก 12 ท่าน ( เต็ม )

ครั้งหนึ่งในชีวิต ขอเชิญร่วมเดินทางสู่ประเทศแคนาดาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยน ท่องเที่ยวแบบเจาะลึก ตื่นตาตื่นใจกับเทือกเขาร็อคกี้ดินแดนมรดกโลกทางธรรมชาติ สวยที่สุดในแคนาดา อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ อุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ หากโชคดีพอ จะได้พบกับแสงเหนือตระการตาที่แจสเปอร์ จากนั้นเดินทางข้ามไปฝั่งตะวันออก เที่ยวแวนคูเวอร์และโตรอนโต เมืองใหญ่แสนงดงาม แล้วไปปิดทริปกันที่ ไนแองการา หนึ่งในน้ำตกขนาดใหญ่และสวยที่สุดในโลก เดินทางด้วยรถแวน พักโรงแรมมาตรฐาน เตียงควีนไซส์ขนาดใหญ่ 2 เตียงคู่ สะดวกสบาย นำทริปโดยอาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร รับสมาชิกเพียง 10 ท่าน พลาดไม่ได้!
อุณหภูมิกลางวันประมาณ 10-15 องศา , กลางคืนประมาณ 5-10 องศา
ค่าใช้จ่ายท่านละ 210,000 บาท ( รับสมาชิกเพียง 12 ท่าน )
มัดจำเมื่อจองทัวร์ ท่านละ 70,000 บาท ส่วนที่เหลือ 140,000 บาท ชำระภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2566
การยกเลิก
-
ยกเลิกภายใน 15 มิถุนายน 2566 คืนเงินมัดจำเต็มจำนวน
-
ยกเลิกหลัง 15 กรกฎาคม 2566 หักค่าใช้จ่าย 30%
-
ยกเลิกหลัง 15 สิงหาคม 2566 หักค่าใช้จ่าย 50%
-
ยกเลิกหลัง 1 กันยายน 2566 ไม่คืนเงินทุกกรณี
ค่าใช้จ่ายรวม
-
ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ กรุงเทพ - แคนาดา และตั๋วในประเทศ ชั้นประหยัด
-
ค่าพาหนะเดินทาง รถแวน ตลอดทริป
-
ค่าโรงแรม พร้อมอาหารเช้า ห้องพักเตียงใหญ่ ควีนส์ไซส์ 2 เตียง พักห้องละ 2 ท่าน ฟรี WiFi
-
ค่ากิจกรรมทัวร์ต่างๆ ตามระบุในโปรแกรม
ค่าใช้จ่ายไม่รวม
-
ค่าวีซ่าแคนาดา ( ต้องยื่นขอวีซ่าเองผ่านระบบออนไลน์ของสถานฑูต )
-
ค่าอาหารกลางวันและอาหารค่ำ ( นำท่านไปทานอาหารที่ร้าน เช่น ร้านอาหารจีน หรืออื่นๆ ตามที่ต้องการ โดยชำระค่าอาหารกันเอง )
-
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุในโปรแกรม
กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ สูงไม่เกิน 29 นิ้ว น้ำหนักไม่เกิน 23 กิโลกรัม ท่านละ 1 ใบ

กำหนดการ
22 กันยายน 2566 กรุงเทพฯ – นาริตะ – แวนคูเวอร์
05.00 พร้อมคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ
07.35 ออกเดินทางโดยสายการบินสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 676
15.45 เดินทางถึงสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น
16.55 ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน TG 5837 ( โดยแอร์แคนาดา )
09.50 ถึงสนามบินเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
แวนคูเวอร์ ( Vancouver ) เป็นเมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ และในภูมิภาคแปแซิฟิก มีประชากรราว 2.5 ล้านคน ชื่อของเมืองมาจากชื่อของนักสำรวจชาวอังกฤษนามว่า จอร์จ แวนคูเวอร์ อุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้แก่เมืองในอดีต ได้แก่ การป่าไม้ การทำเหมืองแร่ การตกปลา และ เกษตรกรรม ส่วนปัจจุบัน ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการ อันมีผลมาจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวขึ้น ปัจจุบันแวนคูเวอร์เป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นอันดับสามของอเมริกาเหนือรองมาจาก ลอสแอนเจลิส และนิวยอร์ก จนมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า "Hollywood North" และแวนคูเวอร์ยังเป็นสถานที่จัดแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2010 และพาราลิมปิกฤดูหนาว 2010 อีกด้วย
พักที่ Holiday Inn Vancouver Airport Richmond






23 กันยายน 2566 แวนคูเวอร์
หลังอาหารเช้าที่โรงแรมเที่ยวชมย่านแกสทาวน์ ชุมชนแรกของคนที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในรัฐบริติชโคลัมเบียก่อนที่จะมาเป็นแวนคูเวอร์ ชมย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมวิกตอเรียน อาทิ รูปปั้นของแกสซี แจ็คที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสกลางเมือง ชมนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่เดินได้ด้วยพลังไอน้ำ โดยนาฬิกาไอน้ำ จะตีเสียงดังบอกเวลาทุก 15 นาที เป็นเสียงดนตรีเสียงเดียวกับนาฬิกาบิ๊กเบนในกรุงลอนดอนและนาฬิกาจะพ่นไอน้ำพวยพุ่งออกมาทุกๆ 1 ชั่วโมง
จากนั้นไปชมแคนาดาเพลส สถาปัตยกรรมหลังคารูปใบเรือสีขาว สร้างขี้นเป็นหลังคาของ Canada Pavilion ในงาน World's Fair ที่จัดขึ้นที่แวนคูเวอร์เมื่อปี ค.ศ. 1986 ต่อด้วยสถานีรถไฟแคนาเดียนแปซิฟิก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1880 เป็นสถานีชุมทางรถไฟสายข้ามทวีป ปัจจุบันเป็นสถานีรถลอยฟ้ากับเรือข้ามฟากของเมืองแวนคูเวอร์
บ่ายไปเที่ยวสวนสาธารณะสแตนลีย์ ปาร์ก ใจกลางเมืองแวนคูเวอร์ ลักษณะเป็นเกาะกลางอ่าวแวนคูเวอร์ มีพื้นที่กว่า 10,000 เอเคอร์ ในสวนมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุนับ 100 ปี ลอร์ด สแตนลีย์ ผู้ว่าการเขตปกครองแคนาดา เป็นผู้ริเริ่มให้สร้างสวนแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1888 ชมกลุ่มเสาโทเทม (Totem) สัญลักษณ์ที่ตั้งไว้เพื่อระลึกว่าบริเวณนี้เคยเป็นถิ่นที่อยู่ของชนพื้นเมืองอินเดียนมาก่อน ซึ่งในสมัยก่อนชนพื้นเมืองใช้เสาโทเทม เล่าเรื่องราวความเป็นมาของเผ่าและเป็นที่เก็บอัฐิของคนตาย
เย็นเดินทางไปเที่ยวชม Capilano Suspension Bridge Park สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับทางเดินบนยอดไม้สูง เป็นสะพานสลิงขนาดใหญ่ รองรับนักท่องเที่ยวได้นับพันคน พร้อมทางเดินบนยอดไม้ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติงดงามแสนบริสุทธิ์ จากนั้นไปนั่งกระเช้าขึ้นยอดเขา Grouse Mountain มองเห็นวิวเมืองแวนคูเวอร์ท่ีอยู่ในระยะไกลได้อย่างสวยงาม และยังมีเทรลให้เดินเที่ยวชมมากมายหลายเส้นทาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของแวนคูเวอร์
พักที่ Holiday Inn Vancouver Airport Richmond

24 กันยายน 2566 แวนคูเวอร์ - เจสเปอร์
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ออกเดินทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังเจสเปอร์ ในวันนี้จะเดินทางเต็มวัน ผ่านเมืองที่สวยงามหลายแห่งอาทิ Kamloops, Clearwater และ Valemoun โดยใช้ถนนหลวง TransCanada Highway BC-1 ต่อด้วย Yellowhead South Highway เป็นเส้นทางที่มีภูมิประเทศและทิวทัศน์ที่งดงาม ระหว่างการเดินทางมีจุดแวะพักที่น่าสนใจ เช่น น้ำตก Bridal Veil Falls ที่มีความสูงถึง 60 เมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ลำดับที่ 6 ของแคนาดา และเส้นทางจะผ่านภูเขา Mount Robson ซึ่งสูงที่สุดในเทือกเขาร๊อคกี้ โดยมีความสูง 3,454 เหนือระดับน้ำทะเล
พักที่ Lobstick Lodge Jasper หรือเทียบเท่า โรงแรมมาตรฐาน ห้องพักเตียงขนาดใหญ่ควีนส์ไซส์ 2 เตียง พักห้องละ 2 ท่าน ฟรี WiFi ( โรงแรมอยู่ใจกลางเมือง รายรอบด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมาย
* หากช่วงกลางคืน ท้องฟ้าเปิดและแสงเหนือแรงพอ จะมีโปรแกรมพิเศษออกล่าแสงเหนือ
25 กันยายน 2566 Mount Robson - อุทยานแห่งชาติเจสเปอร์ - Maligne Canyon
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางไปชมภูเขารอบสัน ที่แวดล้อมไปด้วยป่าสนที่กำลังเปลี่ยนสีสันในฤดูใบไม้ร่วงอย่างสวยงาม และพื้นที่รอบอุทยานยังมีเส้นทางเทรลให้เดินชมธรรมชาติมากมาย มีทั้งเทรลเดินระยะสั้นๆ 1-2 ชั่วโมง ไปถึงเทรลเดินป่าที่ต้องใช้เวลาหลายวัน
จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองเจสเปอร์ ซึ่งอยู่ในรัฐอัลเบอร์ทา เมืองเล็กๆ แห่งนี้เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเทือกเขาร็อคกี้ทางตอนเหนือ มีโรงแรมที่พัก ร้านค้าและร้านอาหารมากมาย และเป็นเมืองที่รถไฟสายแคนาเดี้ยนร็อคกี้อันโด่งดังแล่นผ่านอีกด้วย ในสถานีรถไฟกลางเมืองมีรถไฟโบราณแบบจักรไอน้ำที่เลิกใช้งานแล้วจอดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
บ่าย เดินทางไปเที่ยวชมแคนยอนที่งดงามอีกแห่งหนึ่งชื่อ Maligne Canyon มีเส้นทางเดินแบบสบายในป่าสน มองเห็นโตรกผาลึก และมีน้ำตกหลายแห่ง มีมุมที่สวยงามมากมาย ใช้เวลาเดินเที่ยวราว 1-2 ชั่วโมง
จากนั้นเดินทางไปเที่ยวชมทะเลสาบแสนสวยอีกแห่งชื่อ Medicine หากเป็นฤดูหนาวน้ำในทะเลสาบจะกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งหนาจนลงไปเดินเล่นได้ ส่วนฤดูร้อนจะเป็นสีเขียวมรกต มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ถนนจะลัดเลาะเลียบทะเลสาบ ผ่านหุบเขาลึก ไปจนสุดทางที่ทะเลสาบอีกแห่งหนึ่งชื่อ Maligne Lake หากโชคดีจะพบเห็นกวางมูส กวางที่มีขนาดใหญ่ ตัวผู้มีเขาที่แผ่กิ่งก้านออกไปอย่างสวยงาม
พักที่ Lobstick Lodge Jasper หรือเทียบเท่า โรงแรมมา= ตรฐาน ห้องพักเตียงขนาดใหญ่ควีนส์ไซส์ 2 เตียง พักห้องละ 2 ท่าน ฟรี WiFi
* หากช่วงกลางคืน ท้องฟ้าเปิดและแสงเหนือแรงพอ จะมีโปรแกรมพิเศษออกล่าแสงเหนือ
26 กันยายน 2566 Cavell Lake - Jasper SkyTram - Patricia Lake -
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เที่ยวชมอุทยานแห่งชาติเจสเปอร์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุม 10,878 ตารางกิโลเมตร โอบล้อมไปด้วยสภาพธรรมชาติอันแสนงดงาม รวมไปถึงภูมิทัศน์ของขุนเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจ พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานมีลักษณะเป็นหุบเขากว้างสลับกับภูเขา , ธารน้ำแข็ง , ป่าไม้ ,ทะเลสาบ, น้ำตก , ทุ่งหญ้าอัลไพน์และแม่น้ำ ในปี 1984 อุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ ได้ถูกประกาศให้เป็นส่วนหนึ่งของ แหล่งมรดกโลกในเขตกลุ่มอุทยานคาเนเดียนร็อกกี้(Canadian Rocky Mountain Parks)
อุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ได้ชื่อว่า เป็นอุทยานภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาร็อคกี้ ภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมยอดเขาเกือบตลอดปี เดิมบริเวณนี้เป็นดินแคนที่ห่างไกลความเจริญที่ยากในการเดินทางเข้าถึง จนกระทั่งได้มีการสร้างทางรถไฟสายข้ามทวืป และตัดถนนสาย Icefeilds Parkway เมื่อปี ค.ศ.1940 ทำให้การเดินทางเข้ามาถึง อุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ทำได้ง่ายขึ้น
จุดหมายแรกคือ ทะเลสาบ Cavell Lake น้ำในทะเลสาบใสจนมองเห็นก้อนหินที่อยู่บนพื้นใต้น้ำได้อย่างชัดเจน จากทะเลสาบจะเดินไปตามเทรลที่ลัดเลาะยอดเขา Mount Edith Cavell เส้นทางจะผ่านทะเลสาบเล็กๆ ค่อยๆ ไต่ระดับสูงขึ้นไปจนมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ ตัวอย่างสวยงาม
บ่าย เดินทางไปขึ้นกระเช้า Jasper SkyTram สู่ยอดเขา Whistlers Peak ภูเขาที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 2,400 เมตร ทำให้มองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของเทือกเขาร็อคกี้ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งเมืองแจสเปอร์ที่อยู่ทางด่านล่าง จากสถานีกระเช้าสามารถเดินขึ้นไปถึงยอดเขาได้ และยังเดินลงได้ด้วย จนถึงลานจอดรถที่เชิงเขา
เย็นไปเที่ยวทะเลสาบแฝดสองแห่งคือ Patricia Lake และ Pyramid Lake ทั้งสองทะเลสาบ หากลมสงบ จะเห็นภาพของภูเขากับเงาสะท้อนน้ำที่งดงามมาก และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากเช่นกัน
พักที่ Lobstick Lodge Jasper หรือเทียบเท่า โรงแรมมาตรฐาน ห้องพักเตียงขนาดใหญ่ควีนส์ไซส์ 2 เตียง พักห้องละ 2 ท่าน ฟรี WiFi
* หากช่วงกลางคืน ท้องฟ้าเปิดและแสงเหนือแรงพอ จะมีโปรแกรมพิเศษออกล่าแสงเหนือ




27 กันยายน 2566 Athabasca Falls - Sunwapta Falls - Glacier Skywalk
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เช็กเอ้าท์แล้วเดินทางไปตามทางหลวงที่มีชื่อเรียกว่า Icefields Parkway ถนนที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในแคนาดา สองข้างทางจะเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาร๊อคกี้ที่สวยงาม มีทั้งทะเลสาบ ป่าสน ทิวเขาสูง หลายแห่งยังมีหิมะและธารน้ำแข็งปกคลุมยอดเขา แวะถ่ายภาพในจุดที่สวยงามระหว่างทาง หากโชคดีจะพบเห็นสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะกวางขนาดใหญ่ที่มีอยู่มากมาย
จุดหมายแรกของวันนี้คือ น้ำตก Athabasca Falls เป็นหนึ่งน้ำตกยอดนิยมในเขตอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ จากนั้นไปเที่ยวกันต่อที่ น้ำตก Sunwapta Falls น้ำตกที่งดงามอีกแห่งที่แวดล้อมไปด้วยป่าสน มีลักษณะเป็นลำธารสองสายมาบรรจบกัน สายน้ำเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำ Sunwapta ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Jasper มีเส้นทางเดินราว 600 เมตรจากถนนใหญ่ ชื่อน้ำตกแปลว่า "น้ำปั่นป่วน" เนื่องจากมีสายน้ำที่รุนแรงไหลสู่โตรกผาลึก
จากนั้นไปเที่ยวชม Glacier Skywalk ทางเดินกระจกที่ให้คุณได้ชมวิวของ Columbia Icefield ในแบบพาโนรามา โดยมีความสูงอยู่ที่ 280 เมตร (918 ฟุต) เหนือหุบเขา Sunwapta จุดชมวิวที่งดงามนี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในโลกรวมถึงสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการเรียนรู้เกี่ยวกับนิเวศวิทยาธรณีวิทยาธรณีวิทยาและประวัติศาสตร์ธรรมชาติของแผ่นน้ำแข็งโคลอมเบียอาจจะไม่เหมาะกับคนกลัวความสูง เพราะพื้นกระจกที่กำลังเดินอยู่นั้น เหมือนกับลอยอยู่ในอากาศที่สูงจากพื้นนับร้อยเมตร
พักที่ Lake Louise Hotel หรือเทียบเท่า โรงแรมมาตรฐาน ห้องพักเตียงขนาดใหญ่ควีนส์ไซส์ 2 เตียง พักห้องละ 2 ท่าน ฟรี WiFi



28 กันยายน 2566 Lake Louise - Moraine Lake - Morantz Curve - Johnston Canyon - Banff
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ไปเที่ยวชมทะเลสาบแสนสวย Lake Louise ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อยู่ในรัฐอัลเบอร์ตา เขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ ชาวยุโรปคนแรกที่มาเห็นความงามของทะเลสาบหลุยส์ คือ นักสำรวจชื่อ ทอม วิลสัน ค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1882 เลคหลุยส์เป็นเมืองชนบทที่อยู่ต่ำกว่าทะเลสาบ เดิมเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่คนงานสร้างทางรถไฟใช้เป็นที่พักในสมัยนั้น ชุมชนนี้มีชื่อว่า Holt City ต่อมาในปี ค.ศ. 1914 จึงได้ชื่อใหม่ว่า Lake Louise เพื่อเป็นเกียรติ แก่เจ้าหญิงหลุยส์ คาโรไลน์ อัตเบอร์ตา พระธิดาองค์หนึ่งของ ควีนวิกตอเรีย เนื่องจากเจ้าหญิงได้ติดตามพระสวามีซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการของอังกฤษมาอยู่ในแคนาดา จึงได้ชื่อตามพระนามของเจ้าหญิง ทะเลสาบหลุยส์ตั้งอยู่เหนือเมืองแบมฟ์ขึ้นไปราว 60 กิโลเมตร ทะเลสาบอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,730 เมตร แวดล้อมด้วยเทือกเขาที่มีหิมะขาวโพลนปกคลุมยอดเขา น้ำในทะเลสาบเป็นสีเขียวมรกต จึงได้ชื่อว่า “ทะเลสาบมรกต” มีผิวน้ำนิ่งที่เรียบใสราวกับกระจกสะท้อนเงาของขุนเขาและ ธารน้ำแข็งที่อยู่สูงขึ้นไปเป็นภาพที่งดงาม สุดพรรณนา ทะเลสาบแห่งนี้เป็นจุดตั้งต้นของการปีนเขาเพื่อขึ้นไปดูธารน้ำแข็ง หรือไปชมทะเลสาบเล็กๆ รายล้อมด้วยเทือกเขางดงาม
จากนั้นไปชมทะเลสาบที่งดงามมากอีกแห่ง Moraine Lake มีจุดชมวิวมุมสูงที่ออกแรงเดินเพียง 200 เมตร ก็จะพบกับวิวที่งามงามราวกับโปสการ์ด มองเห็นทะเลสาบเขียวมรกต มีฉากหลังเป็นภูเขาสูงชัน และมีหิมะหลงเหลือมากจากฤดูหนาวปกคลุมประปรายบนยอดเขา ช่วงเวลาลมสงบ จะเห็นเงาสะท้อนน้ำที่ตระการตามาก
บ่าย เดินทางไปชม Morantz Curve เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มองเห็นทิวสนและภูเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะเป็นฉากหลัง หากโชคดีจะมีขบวณรถไฟสีแดง แคนาเดี้ยน แปซิฟิก แล่นผ่านมาในทางรถไฟที่โค้งไปกับแม่น้ำ เป็นภาพสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเทือกเขาแคนาเดี้ยนร็อคกี้ก็ว่าได้
เย็นไปชมจุดชมวิว Castle Cliff Viewpoint มองเห็นวิวยอดเขาตั้งเด่นตระหง่านอย่างชัดเจนราวกับปราสาทบนยอดเขา จากนั้นเดินทางเข้าสู่เมืองแบมฟ์ เมืองท่องเที่ยวหลักของแคนาเดี้ยนร็อคกี้ อิสระเดินเที่ยวชมเมือง มีร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารมากมายให้ท่านได้ลิ้มลอง
พักที่ Banff Park Lodge Resort Hotel หรือเทียบเท่า โรงแรมมาตรฐาน ห้องพักเตียงขนาดใหญ่ควีนส์ไซส์ 2 เตียง พักห้องละ 2 ท่าน ฟรี WiFi





29-30 กันยายน 2566 อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ - - Banff Gondola - Backswamp Viewpoint - Bow Falls (อิสระอาหารกลางวันและอาหารค่ำ)
ใน 2 วันนี้จะเดินทางเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ภายในอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ อาทิ กระเช้า Banff Gondola บนยอดเขาสูง 2,300 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล มองเห็นทิวทัศน์เทือกเขาร็อคกี้ได้อย่างชัดเจนรอบทิศทาง รวมทั้งเมืองแบมฟ์มองเห็นอยู่ทางเบื้องล่าง แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่บนยอดเขาหลายแห่งก็ยังมีหิมะและธารน้ำแข็งปกคลุมอยู่ เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมาก จุดสูงสุดอยู่บนยอดเขาซัลเฟอร์ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,285 เมตร มีทางเดินขึ้นไปได้ บนยอดเขามีอาคารที่ทำการสำหรับนักพยากรณ์อากาศเรียกว่า “รังนกอินทรี” อาคารนี้เป็นสถานที่ซึ่งนักพยากรณ์อากาศชื่อ นอร์มัน แซนซัน (Norman Sanson) ใช้เป็นสถานที่ทำงานในการพยากรณ์อากาศเมื่อปี ค.ศ. 1903 ในอาคารยังมีโต๊ะ เก้าอี้ เตียงนอน และสิ่งของเครื่องใช้สมัยที่แซนซันมาทำงานอยู่ และมีจุดชมวิวซึ่งมองเห็นวิวของเทือกเขาร็อกกี้ และทะเลสาบมรกตอันงดงาม
น้ำตก Bow Falls ซึ่งอยู่ใกล้ๆ เมืองแบมฟ์ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม จากบริเวณนี้จะมองเห็นโรงแรมหรู Fairmont Banff Springs ที่สร้างขึ้นเลียนแบบปราสาทยุคโบราณ เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่พลาดไม่ได้กับการมาเยือนแบมฟ์
น้ำตก Bow Falls ซึ่งอยู่ใกล้ๆ เมืองแบมฟ์ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม จากบริเวณนี้จะมองเห็นโรงแรมหรู Fairmont Banff Springs ที่สร้างขึ้นเลียนแบบปราสาทยุคโบราณ เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่พลาดไม่ได้กับการมาเยือนแบมฟ์
จอห์นสตันแคนยอน เป็นหนึ่งในสี่หุบเขาของเทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดาตั้งอยู่บน Bow Valley Parkway ที่เชื่อมระหว่างเมือง แบมฟ์และเลคหลุยส์ สร้างมานานนับพันปี แคนยอนที่นี่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะของน้ำในแม่น้ำและช่องเขา มีลำธารใสไหลเชี่ยวกราก ทั้งหมดจะกลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาวซึ่งมีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -40 องศาเลยทีเดียว เส้นทางเดินจัดสร้างอย่างดี เดินได้สะดวก ใช้เวลาราว 30 นาที (ประมาณ 2 กิโลเมตร) ก็มาถึงน้ำตกชั้นล่าง มีโพรงถ้ำเพื่อชมน้ำตกแบบใกล้ชิด จากนั้นเดินต่อไปอีกราว 3 กิโลเมตร เพื่อขึ้นไปถึงน้ำตกชั้นบนที่มีขนาดใหญ่และสวยงามกว่า
ทะเลสาบ Minnewanka ทะเลสาบขนาดใหญ่ยอดนิยม มีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก เป็นสถานที่ปิคนิคของชาวเมืองแบมฟ์และนักท่องเที่ยว จากทะเลสาบจะเดินเทรลไปตามเส้นทางที่สวยงาม ไฮไลท์คือ Stewart Canyon เป็นช่องเขาที่สองข้างทางเป็นป่าสน มองเห็นธารน้ำสีมรกตอยู่ตรงกลาง ถ่ายภาพได้สวยงามจากสะพานข้ามแคนยอน เทรลเดินจะลัดเลาะไปตามทะเลสาบ และมีจุดแค้มปิ้งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยและพักผ่อนกับธรรมชาติ
อุทยานแห่งชาติ Yoho National Park แวะชมที่ทำการอุทยาน Yoho National Park Visitor Centre ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขา Mount Burgess ถนนจะไปสุดทางที่ทะเลสาบ Emerald Lake เราจะเดินไปตามเทรลริมทะเลสาบซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
พิพิธภัณฑ์ Banff Park Museum National Historic Site จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และธรรมชาติวิทยา สัตว์ป่าชนิดต่างๆ ที่พบเห็นได้ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเทือกเขาร็อคกี้ และอีกแห่งคือ Buffalo Nations Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาร๊อคกี้ในอดีต
พักที่ Banff Park Lodge Resort Hotel หรือเทียบเท่า โรงแรมมาตรฐาน ห้องพักเตียงขนาดใหญ่ควีนส์ไซส์ 2 เตียง พักห้องละ 2 ท่าน ฟรี WiFi





1 ตุลาคม 2566 แบมฟ์ - แวนคูเวอร์
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ออกเดินทางกลับเมืองแวนคูเวอร์โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1 เส้นทางจะผ่านเทือกเขาร็อคกี้ ทะเลสาบ และเมืองเล็กๆ ที่สวยงามหลายแห่ง แวะพักและถ่ายภาพระหว่างทางไปเรื่อยๆ จนถึงแวนคูเวอร์
พักที่โรงแรม Holiday Inn Express Vancouver Airport - Richmond ห้องพักเตียงควีนส์ไซส์ 2 เตียง พักห้องละ 2 ท่าน ฟรี WiFi
2 ตุลาคม 2566 แวนคูเวอร์ - โตรอนโต (อิสระอาหารกลางวันและอาหารค่ำ)
06.00 เช็กอินที่สนามบิน
08.30 ออกเดินทางจากสนามบินแวนคูเวอร์ สายการบินแอร์แคนาดาโดยเที่ยวบิน AC 104 (ใช้เวลาบิน 4.30 ชั่วโมง)
15.35 เดินทางถึงเมืองโตรอนโต (แคนาดาฝั่งตะวันออก) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแคนาดา และเป็นเมืองที่ใหญ่อันดับที่ 4 ในทวีปอเมริกาเหนือ และโตรอนโตเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐออนแทรีโอ ของแคนาดา โตรอนโตมีประชากรประมาณ 6 ล้านคน โตรอนโตได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีหลายเชื้อชาติมากที่สุดเมืองหนึ่ง และโตรอนโตเป็นศูนย์กลางทาด้านเศรษฐกิจ ศิลปะ วัฒนธรรมของประเทศแคนาดา โดยในปี พ.ศ. 2548 รัฐบาลแคนาดาได้จัดให้โตรอนโตเป็นเมืองหลวงวัฒนธรรมของประเทศ
พักที่ Hampton Inn by Hilton Toronto Airport หรือเทียบเท่า



3 ตุลาคม 2566 น้ำตกไนแองการา (อิสระอาหารกลางวันและอาหารค่ำ)
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เที่ยวชมหอคอย CN TOWER ความสูง 553 เมตร ชมวิวจากมุมสูงที่สวยงามแบบพาโนรามา จากนั้นนั่งเรือเฟอรี่ข้ามฟากไปยังเกาะโตรอนโต มองเห็นวิวอ่าวและเมืองโตรอนโตได้อย่างชัดเจนและสวยงาม
จากนั้นนำท่านเดินทางไปน้ำตกไนแองการา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่งประกอบกัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไนแอการาทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ บนพรมแดนระหว่างประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา น้ำตกไนแอการาประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน คือ "น้ำตกเกือกม้า" สูง 57 เมตร น้ำตกอเมริกา สูงระหว่าง 21–34 เมตร และน้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ติดกัน คือน้ำตก Bridal Veil แม้น้ำตกไนแอการาจะไม่สูงอย่างโดดเด่น แต่ก็กว้างมาก น้ำตกไนแองการามีจุดชมวิวที่สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้งสองประเทศมานานกว่าศตวรรษ แม่น้ำไนแอการาไหลมาจากทะเลสาบอีรีไหลผ่านน้ำตกไนแอการาลงสู่ทะเลสาบออนแทรีโอ เมืองสองฝั่งของน้ำตกในสองประเทศนั้นเป็นเมืองแฝด โดยในฝั่งแคนาดาคือ ไนแอการาฟอลส์ ออนแทรีโอ ส่วนในฝั่งสหรัฐอเมริกาคือ ไนแอการาฟอลส์ รัฐนิวยอร์ก
นำท่านขึ้นหอคอย Skylon Tower ชมวิวน้ำตกไนแองการ่าจากมุมสูง จากนั้นไปล่องเรือชมน้ำตกไนแองการ่า เข้าชมน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด ( ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและปริมาณน้ำ ) แล้วไปเที่ยวกันต่อที่น้ำวนเวิล์ดพูล รวมทั้งจุดถ่ายภาพยอดนิยมแม่น้ำไนแองการ่าเลี้ยวหักศอก
ในช่วงค่ำ จะเปิดไฟแสงสีไปยังน้ำตกอย่างสวยงาม นำท่านเดินชมและบันทึกภาพแสงสียามค่ำคืน ก่อนกลับที่พักซึ่งมองเห็นวิวน้ำตกไนแองการาได้อย่างชัดเจนและสวยงามจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ภายในห้อง
พักที่ Hilton Niagara Falls/ Fallsview Hotel and Suites หรือเทียบเท่า
4 ตุลาคม 2565 Toronto Premium Outlets
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม อิสระเดินเที่ยวชมน้ำตกไนแองการาตามอัธยาศรัย จากนั้นเช็กเอ้าท์เดินทางสู่โตรอนโต บ่ายนำท่านอิสระช้อปปิ้งที่ Toronto Premium Outlets มีร้านค้าแบรนด์ดังลดราคาสินค้านานาชนิดกว่า 100 ร้านค้า
17.00 เช็กอินที่สนามบินโตรอนโต
20.45 ออกเดินทางจากโตรอนโต โดยเที่ยวบิน TG 5833 ( โดยแอร์แคนาดา )
5 ตุลาคม 2565 ซูริค - กรุงเทพ
10.25 เดินทางถึงสนามบินซูริค
13.30 ออกเดินทางโดยการบินไทย เที่ยวบิน TG 971
6 ตุลาคม 2565 กรุงเทพ
05.30 เดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

