-
ไทยแลนด์โฟโต้ทัวร์ ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08113
-
บัตรอนุญาตผู้นำเที่ยว ( Tour Leader ) นำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก เลขที่ 12.0150 จากกรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
-
แชทพูดคุยกับทีมงานของเราผ่านทาง line คลิกที่นี่
-
ส่งอีเมล์หาเราได้ที่ sale@thailand-photo-tours.com
ครั้งหนึ่งในชีวิต ทัวร์ล่าแสงเหนือ
เจาะลึกไอซ์แลนด์ 18 ตค - 3 พย 2568
( 17 วัน, 14 คืน )
รับสมาชิก 10 ท่าน
การจองทัวร์ แสดงว่าท่านได้อ่านโปรแกรมทัวร์ ราคา และ เงื่อนไขต่างๆ ครบถ้วนแล้ว
ภาพทั้งหมดถ่ายภาพโดยอาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร ห้ามนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
สัมผัสสุดยอดประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ทัวร์ชม แสงเหนือ ออโรร่า ประเทศไอซ์แลนด์ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้ และปี 2567-2568 เป็นช่วงเวลาที่แสงเหนือแรงที่สุดในรอบ 20 ปี ตื่นตาตื่นใจกับถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าที่เข้าชมได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงมีนาคมของทุกปี ชมกลาเซียร์ธารน้ำแข็ง กลาเซียร์ลากูน หาดทรายดำ แช่น้ำร้อนสกายลากูน ขี่สโนว์โมบิลตะลุยกลาเซียร์ และอื่นๆ อีกมากมายที่จะสร้างความประทับใจได้อย่างไม่รู้ลืมของไอซ์แลนด์ ดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือ รับเพียง 10 ท่าน นำทริปและถ่ายภาพให้สมาชิกโดยอาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร
*** เหตุผลที่ควรเดินทางไปทัวร์ล่าแสงเหนือไอซ์แลนด์กับเรา ***
-
สมาชิกทุกท่านจะได้ภาพสวยอย่างแน่นอน จากอาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร ช่างภาพมืออาชีพประสบการณ์กว่า 30 ปี
-
พักที่ไอซ์แลนด์ รวม 14 คืน
-
มีประสบการณ์ล่าแสงเหนือไอซ์แลนด์มานาน 10 ปี
-
ทุกกรุ๊ปที่ผ่านมาเห็นแสงเหนือ 100%
-
เดินทางกลุ่มเล็ก รับเพียง 10 ท่าน
-
พักโรงแรมและอพาร์ทเม้นท์ห้องละ 2 ท่าน ห้องน้ำในตัว
-
ตุลาคม ช่วงเวลาดีที่สุดสำหรับล่าแสงเหนือไอซ์แลนด์ อากาศไม่หนาวจัดเกินไป
-
เลือกเดินทางช่วงเดือนมืด ไม่มีแสงรบกวนจากดวงจันทร์ มีโอกาสเห็นแสงเหนือชัดเจนกว่า
-
พลาดหนนี้ ต้องรออีก 11 ปี แสงเหนือถึงจะกลับมาแรงเต็มที่อีกครั้ง
ค่าใช้จ่าย : ท่านละ 199,000 บาท ( รับเพียง 10 ท่าน )
* ค่าทัวร์ไม่รวมตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ - เรคยาวิก (ไอซ์แลนด์)
* หากต้องการให้ซื้อตั๋วให้ กรุณาติดต่อสอบถามทางไลน์ คลิกที่นี่
การยกเลิกทัวร์
หลังจากจองทัวร์และชำระเงิน และได้รับวีซ่าเรียบร้อยแล้ว หากต้องการยกเลิก จะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามจริง ดังนี้
1. ยกเลิกก่อนเดินทางไม่น้อยกว่า 90 วัน คืนเงิน 100% โดยหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
2. ยกเลิก 30-90 วัน คืนเงิน 50% + หักค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริง
3. ยกเลิกภายใน 0-29 วัน จะไม่ได้รับเงินคืนทุกกรณี
4. การจองทัวร์ ถือว่าท่านยอมรับในข้อกำหนดต่างๆ เรียบร้อยแล้ว
จองทัวร์ : โอนมัดจำท่านละ 60,000 บาท พร้อมแนบสลิบโอนเงินและสำเนาพาสปอร์ตในแบบฟอร์มจองทัวร์ (หากพาสปอร์ตหมดอายุ ให้ส่งสำเนาเล่มเดิมก่อน แล้วส่งสำเนาเล่มใหม่มาภายหลัง)
ส่วนที่เหลือ ชำระภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
ค่าใช้จ่ายรวม
-
ค่าโรงแรมที่พัก 14 คืน ตามโปรแกรม ( โรงแรมและอพาร์ทเม้นท์มาตรฐาน พักห้องละ 2 ท่าน มีฮีทเตอร์ WiFi และห้องน้ำในตัวทุกแห่ง )
-
ค่าอาหารเช้าที่โรงแรม (สำหรับที่พักแบบอพาร์ทเม้นท์บางแห่ง มีห้องครัว แต่ไม่มีอาหารเช้า)
-
ค่าวีซ่าไอซ์แลนด์ (ยื่นวีซ่าผ่านเดนมาร์ก)
-
ค่ามินิบัส นำเที่ยวตามโปรแกรม
-
ค่ากิจกรรมขี่สโนว์โมบิล
-
ค่าทัวร์ถ้ำน้ำแข็ง (เฉพาะกรุ๊ปเดินทางเดือนมีนาคมและตุลาคม)
-
ค่าเที่ยวชมและแช่น้ำร้อนที่ Blue Lagoon
-
ค่าบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งตามที่ระบุในโปรแกรม
-
ค่าประกันเดินทาง ( คุ้มครองเจ็บป่วย อุบัติเหตุ และอื่นๆ ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ ) วงเงิน 3 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายไม่รวม
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ - เรคยาวิก ชั้นประหยัด
2. ค่าอาหารกลางวันและอาหารค่ำ ทีมงานนำท่านไปทานอาหารที่ร้านอาหารในระหว่างการเดินทาง
3. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุในโปรแกรม
วีซ่า
-
ผู้ร่วมเดินทางต้องยื่นวีซ่าด้วยตนเองเพื่อสแกนลายนิ้วมือ โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก (หลังจากจองทัวร์จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อดำเนินการเรื่องเอกสารขอวีซ่า) ส่วนที่ท่านต้องชำระเอง ณ วันยื่นวีซ่าคือ ค่าบริการของ vfs ค่าถ่ายภาพและสแกนลายนิ้วมือ และค่าจัดส่ง passport คืนทางไปรษณีย์
-
Passport ต้องมีอายุการใช้งานถึง 1 กุมภาพันธ์ 2569 หากไม่ถึงต้องทำใหม่
-
หากมีวีซ่าเช็งเก้นแล้ว และยังไม่หมดอายุนับถึงวันเดินทางกลับ ลดท่านละ 3,000 บาท
จัดกระเป๋า
-
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สูง 29 นิ้ว น้ำหนักไม่เกิน 23 กิโลกรัม ท่านละ 1 ใบ เสื้อผ้าสำหรับ 14 คืน อุปกรณ์กันหนาว ไฟฉาย ยากระจำตัว(ถ้ามี)
-
กระเป๋าถือขึ้นเครื่องแบบผ้าหรือแบบมีล้อลากสูงไม่เกิน 22 นิ้วท่านละ 1 ใบ
ข้อควรทราบ
-
เดือนตุลาคม เป็นต้นฤดูหนาวของประเทศไอซ์แลนด์ อากาศหนาว ผู้เดินทางต้องเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม รองรับอุณหภูมิต่ำสุด -3 ถึง 10 องศา บางวันบนพื้นที่สูงอาจจะมีหิมะตก
-
ทริปนี้เดินทางกลุ่มเล็กเพียง 10 ท่าน
-
ผู้เดินทางทุกท่านควรมีสุขภาพแข็งแรงดี เนื่องจากไอซ์แลนด์มีสภาพอากาศหนาวเย็น และแปรปรวนมากตลอดทั้งปี บางวันอาจจะมีลมแรง และสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องเดินเท้าเข้าไป ตั้งแต่ระยะใกล้ๆ 100-300 เมตร บางแห่งเดิน 1-2 กิโลเมตร
กำหนดการเดินทาง
***สายการบิน ที่พัก และรายการทัวร์สถานที่ต่างๆ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
***ชมภาพจากทริปล่าแสงเหนือไอซ์แลนด์ 1-17 ตุลาคม 2567
18 ตุลาคม 2568 กรุงเทพฯ - ออสโล - ไอซ์แลนด์
21.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็กอินเค้าท์เตอร์ สายการบินไทย (สายการบินอาจเปลี่ยนแปลงได้)
19 ตุลาคม 2568 ไอซ์แลนด์ - เรคยาวิก
00.55 น. ออกเดินทางโดยสายการบินไทย เที่ยวบิน ( เวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง )
07.25 น. เดินทางถึงสนามบินออสโล ประเทศนอร์เวย์
09.25 น. ออกเดินทางต่อโดยสายการบิน SAS
10.20 น. เดินทางถึง เรคยาวิก เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลมากนัก ทำเลที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ด้านมุมล่างของอ่าว Faxaflói ซึ่ง Ingolfur Arnarson ชาวนอร์ดิค เป็นผู้อพยพคนแรกที่มาตั้งรกรากที่เรคยาวิกในปี พ.ศ. 1413 เมื่อเรคยาวิกกลายเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลาง ทางการค้าและธุรกิจการประมง จึงได้มีการก่อตั้งให้เป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 2329 ปัจจุบันเขตเมืองมีประชากรประมาณ 120,000 คน ประกอบด้วย 7 เทศบาลนครซึ่งรวมเทศบาลนครเรคยาวิกด้วย
ในค่ำคืนแรกหากท้องฟ้าเปิด และแสงเหนือแรงพอ เราจะเริ่มต้นออกล่าแสงเหนืออันน่าอัศจรรย์ในสถานที่เหมาะสม ปราศจากแสงไฟใดๆ มารบกวน และคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ทำให้เห็นแสงเหนือได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า
พักโรงแรม Hotel Vellir มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน ( Free WiFi ) หรือเทียบเท่า
20 ตุลาคม 2568 Golden Circle ซิงเควลลิร์ น้ำพุร้อนสโตรกคัวร์ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ ขี่สโนว์โมบิล
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ออกเดินทางไปยังเส้นทางยอดนิยมที่มีชื่อเรียกว่า “Golden Circle” เส้นทางผ่านภูมิประเทศที่งดงาม จนถึง ซิงเควลลิร์ มรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ซิงเควลลิร์ แปลว่า สภาทุ่งโล่ง สถานที่แห่ง นี้คือลานประชุมของชุมชนไอซ์แลนด์ในยุคแรก ๆ จะเรียกว่า สภาแห่งแรกของไอซ์แลนด์ก็ไม่ผิด ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.930 หรือกว่าพันปี ล่วงมาแล้ว และต่อเนื่องมาจนถึง ปี ค.ศ.1789 นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่มีรอยเลื่อนของโลกหลายหมื่นกิโลเมตร เชื่อมระหว่างทวีปอเมริกาและทวีปยุโรป ต่อมาได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไอซ์แลนด์ เพื่อ ให้รักษาสิ่งที่ชาวไอซ์แลนด์เคารพหวงแหนให้เป็นสมบัติชาติไอซ์แลนด์ไปตลอดกาล
เที่ยง เปลี่ยนไปนั่งรถขับเคลื่อน 6 ล้อ วิ่งตะลุยขึ้นไปยังกลาเซียร์ภูเขาน้ำแข็ง นำท่านสนุกสนานไปกับการขี่สโนว์โมบิล คันละ 2 ท่าน ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง จากนั้นเที่ยวชมน้ำตกกุลล์ฟอสส์ เป็นชื่อท้องถิ่น แปลว่าน้ำตกทองคำ จัดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ สามารถเดินเที่ยวชมได้อย่างใกล้ชิด
จุดหมายต่อไปคือ น้ำพุร้อนสโตรกคัวร์ ซึ่งไอซ์แลนด์ เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยภูเขาไฟมากกว่า 120 ลูก จึงไม่น่าแปลกใจที่เกือบทั่วประเทศมีพุน้ำร้อนกีเซอร์ โดยกีเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ มีชื่อเรียกว่า สโตรกคัวร์ เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่พื้นที่โดยรอบปกคลุม ไปด้วยกลุ่มควันจากไอร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ผิวโลก สำหรับบ่อสโตรกคัวร์ เป็นบ่อขนาดใหญ่ ทุกๆ 4-10 นาทีจะพ่นน้ำร้อนออก มาสูงมากถึง 22 เมตร ตลอดทั้งวัน หลังจากพ่นน้ำร้อนออกมา บ่อน้ำจะดูสงบนิ่งเหมือนบ่อน้ำทั่วๆ ไป ไม่นานน้ำในบ่อจะค่อยๆ กระเพื่อม และแรงขึ้น จนน้ำถึงดันให้โป่งพองเหมือนหลังเต่าอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะระเบิดเสียงดังกึกก้องพ่นละอองน้ำขึ้นสูง เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาล้อมวงดูในระยะห่างเพียงไม่กี่เมตร
ในเวลากลางคืน เราจะเดินทางออกนอกเมืองเพื่อชม แสงเหนือ ออโรร่า ในคืนที่สอง (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ)
พักโรงแรม Hotel Vellir มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน ( Free WiFi ) หรือเทียบเท่า
21-22 ตุลาคม 2568 แหลมสแนเฟลล์เนส ภูเขาเคิร์คจูเฟล
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางขึ้นเหนือไปยังแหลมสแนเฟลล์เนส เส้นทางจะลัดเลาะไปตามถนนเลียบมหาสมุทรเหนือ อาร์กติก บางช่วงถนนจะมุดอุโมงค์ลอดใต้ทะเลข้ามไปยังแผ่นดินอีกฟากหนึ่ง ระหว่างทางมีทิวทัศน์และภูมิประเทศที่สวยงาม ทั้งภูเขาไฟและทุ่งลาวา
ในสองวันนี้เราจะท่องเที่ยวรอบแหลมสแนเฟลล์เนส เริ่มต้นจากภูเขาเคิร์คจูเฟล ภูเขาที่ดูคล้ายพิรามิด สูง 463 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีฉากหน้าเป็นน้ำตกเคิร์คจูเฟลฟอส์ส นับเป็นจุดชมวิวยอด นิยมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ ชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามทั้งภูเขาไฟ ลาวา และชายฝั่งทะเลที่มีหมู่บ้านชาวประมง มีหน้าผาสูงชัน
ค่ำ ชมแสงเหนือที่จุดชมวิวภูเขาเคิร์คจูเฟลมีฉากหน้าเป็นน้ำตก เป็นสุดยอดสถานที่ถ่ายภาพแสงเหนือและเป็นภาพสัญลักษณ์ของประเทศไอซ์แลนด์ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ)
พักที่ Dís Cottages อพาร์ทเม้นท์ มีห้องครัว ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า ( Free WiFi ) , ไม่มีอาหารเช้า (พักที่นี่ 2 คืน )
21-22 ตุลาคม 2568 แหลมสแนเฟลล์เนส ภูเขาเคิร์คจูเฟล
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางขึ้นเหนือไปยังแหลมสแนเฟลล์เนส เส้นทางจะลัดเลาะไปตามถนนเลียบมหาสมุทรเหนือ อาร์กติก บางช่วงถนนจะมุดอุโมงค์ลอดใต้ทะเลข้ามไปยังแผ่นดินอีกฟากหนึ่ง ระหว่างทางมีทิวทัศน์และภูมิประเทศที่สวยงาม ทั้งภูเขาไฟและทุ่งลาวา
ในสองวันนี้เราจะท่องเที่ยวรอบแหลมสแนเฟลล์เนส เริ่มต้นจากภูเขาเคิร์คจูเฟล ภูเขาที่ดูคล้ายพิรามิด สูง 463 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีฉากหน้าเป็นน้ำตกเคิร์คจูเฟลฟอส์ส นับเป็นจุดชมวิวยอด นิยมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ ชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามทั้งภูเขาไฟ ลาวา และชายฝั่งทะเลที่มีหมู่บ้านชาวประมง มีหน้าผาสูงชัน
ค่ำ ชมแสงเหนือที่จุดชมวิวภูเขาเคิร์คจูเฟลมีฉากหน้าเป็นน้ำตก เป็นสุดยอดสถานที่ถ่ายภาพแสงเหนือและเป็นภาพสัญลักษณ์ของประเทศไอซ์แลนด์ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ)
พักที่ Dís Cottages อพาร์ทเม้นท์ มีห้องครัว ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า ( Free WiFi ) , ไม่มีอาหารเช้า (พักที่นี่ 2 คืน )
23 ตุลาคม 2568 ปล่องภูเขาไฟแกรบร็อก นำ้พุร้อนเดลดาทุงกูเวล น้ำตกเฮินฟอซซ่า เรคยาวิก
เช้าวันนี้เราจะออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังปล่องภูเขาแกรบร็อก ซึ่งเคยระเบิดพ่นลาวาออกมาเป็นจำนวนมากเมื่อสามพันปีก่อน ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1 มีเส้นทางเดินผ่านทุ่งลาวาที่จัดทำอย่างดี เดินขึ้นไปชมถึงปากปล่องภูเขาไฟ ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 30-40 นาที
บ่ายนำท่านเดินทางไปชมนำ้พุร้อนเดลดาทุงกูเวล เป็นบ่อพุร้อนขนาดใหญ่ มีน้ำร้อนเดือดอุณหภูมิกว่า 100 องศาพวยพุ่งออกมาตลอดเวลา จากพลังงานความร้อนที่อยู่ใต้โลก บริเวณนี้มีแรงดันจากความร้อนสูงที่สุดในทวีปยุโรป และมีการต่อท่อนำน้ำร้อนไปใช้ตามบ้านเรือนต่างๆ ซึ่งใช้ในการอาบน้ำร้อนโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าไปต้ม ทำให้ไอซ์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ใช้พลังงานจากธรรมชาติมากที่สุดในโลก รวมไปถึงโรงไฟฟ้าเกือบทั้งหมดในไอซ์แลนด์ก็ใช้พลังงานความร้อนไปปั่นกระแสไฟฟ้าเช่นกัน
เส้นทางต่อไปจะเดินทางผ่านชนบทของไอซ์แลนด์ ที่เป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์และปลูกหญ้า จะเห็นภูมิประเทศเป็นพื้นที่โล่งกว้างไกล มีภูเขาหิมะเป็นฉากหลังที่งดงาม เส้นทางจะไปสุดที่น้ำตกเฮินฟอซซ่า เป็นน้ำตกที่ขนาดไม่ใหญ่ มีความกว้างประมาณ 900 เมตร แต่มีสายน้ำเป็นสีฟ้างดงามมากทีเดียว น้ำตกไหลผ่านทุ่งลาวาที่เกิดจากการประทุของภูเขาไฟซึ่งอยู่ใต้ธารน้ำแข็งลองโจกุลกลาเซียร์ มองเห็นสายน้ำไหลออกมาจากหินลาวาอย่างชัดเจน
ค่ำ คืนนี้จะนำท่านไปชมแสงเหนือในสถานที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้มองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ)
พักโรงแรม Hotel Vellir มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน ( Free WiFi ) หรือเทียบเท่า
24 ตุลาคม 2568 น้ำตกซัลยาลันด์สฟอส์ส น้ำตกสโคกาฟอส์ส
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เราจะออกเดินทางสู่ภาคใต้ของไอซ์แลนด์ เส้นทางจากผ่านภูเขาสูงมีหิมะขาวโพลนปกคลุม สองข้างทางเป็นทุ่งลาวาอันกว้างใหญ่ จากนั้นจะผ่านเมืองเซลฟอสส์ เป็นเมืองขนาดเล็กที่มีร้านค้าต่างๆ ตั้งอยู่ เมื่อผ่านเมืองนี้ไปจะมีผู้คนอาศัยอยู่น้อยมาก มีแต่ธรรมชาติที่สวยงาม ทางขวาเป็นมหาสมุทรเหนือ ซึ่งตรงไปจะคือสกอตและประเทศอังกฤษ ส่วนทางซ้ายคือใจกลางประเทศที่เรียกว่า ไฮแลนด์ เดินทางเข้าไปได้เฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น และระหว่างทางจะพบเห็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของไอซ์แลนด์
จุดหมายแรกของวันนี้คือ น้ำตกซัลยาลันด์สฟอส์ส เป็นน้ำตกที่สวยงามและถูกบันทึกภาพมากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ สายน้ำที่ละลายมาจากกลาเซียร์หรือธารน้ำแข็ง มีปริมาณน้ำจำนวนมากตลอดทั้งปี ภาพของ น้ำตกแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของไอซ์แลนด์ก็ว่าได้ มีความสูงราว 60 เมตร เข้าชมได้ทั้งปีตลอด 365 วัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ช่างภาพบางท่านมาถ่ายภาพน้ำตกที่นี่คู่กับแสงเหนือที่น่าอัศจรรย์ และในฤดูร้อนที่พระอาทิตย์มีแสงสว่างตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้มาเที่ยวชมได้ตลอดเวลาที่ต้องการ นอกจากด้านหน้าของน้ำตกแล้ว สามารถเดินลัดเลาะไปทางด้านหลังของม่านน้ำตกได้ด้วย เป็นที่นิยมของบรรดาช่างภาพทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ
จากนั้นเดินทางไปชมน้ำตกสโคกาฟอส์ส ตัวน้ำตกมีขนาดใหญ่ สูงถึง 61 เมตร เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่สูงที่สุดในไอซ์เเลนด์ ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลที่ถาโถมลงมาทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต้องตะลึงถึงความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกแห่งนี้ ภาพจำนวนนับล้านๆ ภาพ และวิดีโอ ภาพยนตร์จำนวนมากถูกถ่ายทอดสู่สายตาชาวโลก ทำให้แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมอย่างไม่ขาดสาย สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายมุมมองตั้งแต่ระยะไกล ไปจนถึงตีนน้ำตก และสามารถเดินไปตามเส้นทางเดินที่จัดทำไว้อย่างดีจนถึง ด้านบนสุดเพื่อบันทึกภาพมุมสูง และโรงแรมในค่ำคืนนี้ก็อยู่ด้านหน้าของน้ำตกแห่งนี้นั่นเอง
ค่ำ จุดชมแสงเหนือคืนนี้คือด้านหน้าน้ำตกสโคกาฟอส์ส แต่ถ้าบริเวณนี้ท้องฟ้าปิดก็อาจจะเดินทางไปออกล่าแสงเหนือที่อื่นแทน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ)
พักที่โรงแรม Hotel Vík í Mýrdal มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน หรือเทียบเท่า ( ฟรี WiFi ในห้องพัก )
25 ตุลาคม 2568 หาดทรายดำ เรย์นิสฟยาร่า แท่งหินบะซอลล์ โบสถ์เมืองวิก อุทยานแห่งชาติวัทยาโจกุล
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 1 เที่ยวชม เรย์นิสฟยาร่า ชายหาดสีดำสริทใกล้เมืองวิค (Vik) เต็มไปด้วยก้อนกรวดขนาดเล็กสีดำ ที่โดดเด่นคือ มีหินบะซอลต์เป็นแท่งทรง สี่เหลี่ยมจำนวนมากเรียกว่า "การ์ด้าร์ (Gardar)" มองดูแทบไม่น่าเชื่อว่าเกิดจากฝีมือของธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนสถานที่แห่ง นี้ และมองออกไปในทะเลจะเห็นคลื่นลูกยักษ์ของมหาสมุทรแอตแลนติดเหนือโอบล้อมแท่งหินบะซอลต์ขนาดใหญ่ที่อยู่กลางทะเลมีทั้งหมด 4 ยอด เรียกว่า เรย์นิสดรันก้าร์ ในฤดูร้อนบริเวณนี้จะเป็นถิ่นทำรังวางไข่ของนกทะเลจำนวนมาก เช่น นกพัฟฟิน (Puffin) , นกทะเลปากยาว (guillemots) และนกฟูลม่าร์ (northern fulmars) หรือนกจมูกหลอด
จากนั้นการเดินทางจะข้ามภูเขาสูงจนถึงเมืองวิก เที่ยวชมหาดทรายดำ Kirkjufjara ที่ได้ชื่อว่าเป็นหาดทรายดำสวยที่สุดในโลก และมีจุดชมวิวบนภูเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์หลังคาสีแดง มองเห็นวิวเมืองวิกและหาดทรายดำได้อย่างสวยงาม
จากนั้นเดินทางเลียบชายฝั่งทะเลทางภาคใต้ สองข้างทางเป็นหินลาวาที่เกิดจากลาวาเมื่อหลายพันปีก่อน แวะชมและถ่ายภาพกันที่ Lava Rocks ทุ่งหินลาวาที่ห่อหุ้มด้วยมอสและเฟิร์นราวกับพรมสี เขียวอันกว้างใหญ่
เย็นเดินทางถึงอุทยานแห่งชาติวัทยาโจกุล ถนนจะมุ่งตรงสู่ดินแดนแห่งกลาเซียร์หรือธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลอันยิ่งใหญ่ตระการตา สามารถมองเห็นวิวกลาเซียร์ได้อย่างสวยงาม 180 องศาเลยทีเดียว
ค่ำ เดินทางออกจากโรงแรมไปทัวร์ชม แสงเหนือ ออโรร่า โดยเลือกจุดที่เหมาะสมและท้องฟ้าเปิดมากที่สุด
พักที่ Hotel Skaftafell มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน หรือเทียบเท่า ( Free WiFi )
26 ตุลาคม 2568 กลาเซียร์ลากูน ไดมอนด์บีซ
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางไปชมกลาเซียร์หรือธารน้ำแข็ง มองเห็นก้อนน้ำแข็งยักษ์ลอยอยู่ในทะเลสาบ ชมและถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งภายในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล มีกลาเซียร์มากกว่า 40 แห่ง แต่สามารถเข้าชมได้เพียง 6-7 แห่งเท่านั้น เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีถนนเข้าไปและอยู่ในใจกลางประเทศ
จุดหมายต่อไปคือกลาเซียร์ลากูน Jökulsárlón เป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่ง มีก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ลอยอยู่ในลากูน ซึ่งทั้งหมดจะไหลออกสู่ทะเล ทำให้มองเห็นก้อนน้ำแข็งน้อยใหญ่มากมายริมหาดทรายดำที่มีชื่อเรียกว่า ไดมอนด์บีซ อิสระให้ท่านเดินชม สัมผัสก้อนน้ำแข็ง และถ่ายภาพกันอย่างเต็มอิ่ม
อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยรวมพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติสกาฟทาเฟล และอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลเข้าด้วยกัน ในกลางกลาเซียร์คาดว่ามีความหนาของน้ำแข็งสูงถึง 1 กิโลเมตร และมีความกว้างของน้ำแข็งมากถึง 100 กิโลเมตรทีเดียว
ค่ำ เดินทางออกจากโรงแรมไปทัวร์ชม แสงเหนือ ออโรร่า โดยเลือกจุดที่เหมาะสมและท้องฟ้าเปิดมากที่สุด
พักที่ Fosshotel Glacier Lagoon มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน ( Free WiFi )
27 ตุลาคม 2568 ถ้ำน้ำแข็ง ภูเขา Vesturhorn
เช้าวันนี้มีโปรแกรมพิเศษ เที่ยวชมถ้ำน้ำแข็ง เป็นกิจกรรมที่มีเฉพาะฤดูหนาว เท่านั้น เริ่มจากต้นเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนมีนาคมของทุกปีโดยจะนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อยกสูงพิเศษ ผ่านทุ่งหินลาวา จากนนั้นเดินเท้าราว 30-40 นาทีจนถึงกลา เซียร์หรือธารน้ำแข็ง บริเวณนี้มีโพรงน้ำแข็งที่เรียกว่า Ice Cave มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เพดานน้ำแข็งมองดูเป็นสีฟ้า ทั้งนี้ถ้ำน้ำ แข็งจะเปลี่ยนสถานที่ทุกปีเนื่องจากผนังถ้ำที่เป็นน้ำแข็งจะละลายกลายเป็นน้ำจนหมดในฤดูร้อน แต่ละปีจะมีการค้นหาถ้ำใหม่ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาเที่ยวชม
บ่ายเดินทางไปถ่ายภาพที่ภูเขา Vesturhorn จุดถ่ายภาพทิวทัศน์ที่มีเงาท้อนน้ำของภูเขางดงามตระการตาและมีชื่อเสียงมากอีก แห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ ที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีหาดทรายดำสนิท มองเห็นฉากหลังเป็นภูเขา Vesturhorn อยู่ริมชายหาด
ค่ำ เดินทางออกจากโรงแรมไปทัวร์ชม แสงเหนือ ออโรร่า โดยเลือกจุดที่เหมาะสมและท้องฟ้าเปิดมากที่สุด
พักที่ Fosshotel Glacier Lagoon มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน ( Free WiFi )
28 ตุลาคม 2568 : เดินทางกลับเมืองวิก
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางกลับทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ระหว่างทางแวะจุดชมวิวเพื่อถ่ายภาพทิวทัศน์ของกลาเซียร์ที่งดงามตระการตาอีกครั้ง และแวะชมโบสถ์เก่าแก่อายุหลายร้อยปี มีผนังเป็นก้อนหินภูเขาไฟ และหลังคาหญ้า เป็นการสร้างบ้านแบบโบราณเหมือนกับการสร้างบ้านของไวกิ้งที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ไอซ์แลนด์เมื่อหนึ่งพันปีก่อน
เย็น เดินทางถึงเมืองวิก อิสระช้อปปิ้งที่ไอซ์แวร์ชอบ มีสินค้าที่ระลึก เสื้อผ้าอุปกรณ์กันหนาว ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตครบครันในที่เดียวกัน (อยู่ตรงข้ามโรงแรมพอดี)
ค่ำ ทัวร์ชมแสงเหนือนอกเมืองวิก (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ)
พักที่โรงแรม Hotel Vík í Mýrdal มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน หรือเทียบเท่า ( Free WiFi )
29 ตุลาคม 2568 : พิพิธภัณฑ์สโคกา เซลฟอสส์
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางต่อไปยังสโคกา แวะเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สโคกา จัดแสดงประวัติความเป็นมาของประเทศไอซ์แลนด์ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นการสร้างประเทศ การตัดถนน ชีวิตความเป็นอยู่ พร้อมทั้งส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เป็นบ้านไวกิ้งแบบโบราณที่เป็นหลังคาหญ้า สามารถเดินเข้าไปชมได้ทุกหลัง รวมทั้งฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงเรียน โบสถ์ อายุนับร้อยปี ย้ายมาจากสถานที่จริง จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม
เย็นเดินทางผ่านเมืองเซลฟอสส์ มุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของโรงแรม Borealis Hotel ซึ่งรายล้อมไปด้วยฟาร์มอันกว้างใหญ่ เป็นสถานที่ชมแสงเหนือที่ชัดเจนและสวยงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง
ค่ำ ชมและถ่ายภาพแสงเหนือด้านหน้าโรงแรม หากท้องฟ้าปิดจะเดินทางไปชมแสงเหนือในสถานที่อื่นๆ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ)
พักที่ Borealis Hotel มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน หรือเทียบเท่า ( Free WiFi )
30 ตุลาคม 2568 : ปล่องภูเขาไฟเเคิร์ธ - เพอร์แลน - เรคยาวิก
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางไปชมปากปล่องภูเขาไฟเเคิร์ธ ปากปล่องมีความลึก 55 เมตร กว้าง 270 เมตร มีอายุกว่า 3000 ปี สามารถ เดินขึ้นไปบนปากปล่องด้านบนได้ในระยะทางสั้นๆ เพียง 5 นาทีจากลานจอดรถ ถ่ายภาพทิวทัศน์อันน่ามหัศจรรย์ สามารถเดินเล่ม รอบปากปล่องภูเขาไฟเป็นวงกลมได้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที และมีสะพานเดินลงไปชมทะเลสาบในปล่องทางด้านล่างได้อย่างใกล้ชิด ในฤดูหนาวสภาพอากาศที่หนาวจัดทำให้น้ำในทะเลสาบกลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง หากหนาเพียงพอจะลงไปเดินเล่นและถ่ายภาพที่ผิวน้ำแข็งได้
จากนั้นไปชม เพอร์แลน ในภาษาไอซ์แลนด์ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า The Pearl ที่แปลว่าอ่าว ออกแบบโดยสถาปนิก นายอิงกิมูนดูร์ มี ความสูงเฉพาะตัวอาคารจากพื้นดิน 25.7 เมตร เป็นอาคารขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายลูกโลก ตั้งอยู่บนฐานขนาดใหญ่ 4 ฐาน มีพื้นที่ ประมาณ 10,000 ตารางเมตร ภายในมี ร้านอาหาร ร้านไอซ์ครีม ชั้นบนมีจุดชมวิวที่สามารถดินได้รอบเป็นวงกลมคล้ายดาดฟ้าเรือ มองเห็นเมือง เรคยาวิกได้อย่างชัดเจน
ค่ำ เดินทางออกจากโรงแรมไปทัวร์ชมแสงเหนือ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ)
พักที่ Hotel Vellir มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน หรือเทียบเท่า ( Free WiFi
31 ตุลาคม 2568 : เรคยาวิก - ฮัลกริมสเคียร์ค่า - อ่าวเรคยาวิก - อิสระช้อปปิ้ง
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม จะเป็นโปรแกรมเที่ยวชมเมืองหลวงเรคยาวิก จุดหมายแรกคือ ฮัลกริมสเคียร์ค่า โบสถ์คริสต์ลูเธอรันที่มีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นและมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ชื่อของโบสถ์ตั้งตามชื่อกวีและนักบวช ฮัลกริมูร์ เพทูร์สัน มีความสูง 73 เมตร สูงที่สุดในเมืองเรคยาวิก และไอซ์แลนด์ ออกแบบโดยสถาปนิก กุธยอน ซามูเอลสัน ในปี 1937 และก่อสร้างปี 1945 ใช้เวลาสร้างนานมากถึง 41 ปี ด้านหน้าโบสถ์มีรูปปั้นของนักสำรวจ เลฟ อีริคสัน ส่งมาเป็นของกำนัลจากสหรัฐฯ ในวาระฉลองรัฐสภาอัลธิงกิ ครบรอบ 1000 ปีเมื่อปี 1930 สามารถขึ้นลิฟท์ไปยังจุดสูงสุดเพื่อชม ทัศนียภาพของเมืองเรกยาวิกอันสวยงามแบบพาโนรามา 360 องศา
จากนั้นไปชมอ่าวเรคยาวิก สถานที่ท่องเที่ยวและออกกำลังกายของชาวเมือง ชมสถาปัตยกรรม Solfar (Sun Voyager) Sculpture มีรูปร่างเหมือนเรือไวกิ้ง ที่ชาวไวกิ้งใช้ในการเดินทางจากนอร์เวย์มาไอซ์แลนด์เมื่อหนึ่งพันปีก่อน นับเป็นสถานที่ถ่ายภาพและเช็กอินยอดนิยมแห่งหนึ่ง ใกล้ๆ กันคือ ฮาร์ปา สถานที่ท่องเที่ยวริมอ่าวเรคยาวิก ออกแบบตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระจกทั้งหลัง ในยามค่ำคืนจะเปิดไฟแสงสีจำลองการเริงระบำของแสงเหนือยามค่ำคืน
เย็น อิสระช้อปปิ้งในถนนคนเดินย่านใจกลางเมืองเรคยาวิก มีร้านค้าต่างๆ มากมาย รวมทั้งอาหารนานาชนิดให้ลิ้มลอง
ค่ำ เดินทางออกจากโรงแรมไปทัวร์ชมแสงเหนือ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ)
พักโรงแรม Hotel Vellir มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน ( Free WiFi ) หรือเทียบเท่า
1 พฤศจิกายน 2568 : ทะเลสาบ Kleifarvatn - บ่อโคลนเดือดซาตุน - สะพานเชื่อมสองทวีป
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางไปชมแสงสียามเช้าที่ทะเลสาบ Kleifarvatn เป็นอีกหนึ่งในทะเลสาบที่สวยงามมาก มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ ฉากหน้าเป็นหาดทรายดำ มีทั้งจุดชมวิวมุมสูงจากบนเนินเขา และเดินเล่นที่หาดทรายดำริมทะเลสาบได้
จากนั้นเดินทางผ่านทุ่งลาวาขนาดใหญ่ ถึงวันนี้จะพบว่าทุกหนแห่งของไอซ์แลนด์ เต็มไปด้วยทุ่งลาวาและมอสสีเขียว ซึ่งไอซ์แลนด์นับเป็นประเทศที่มีลาวามากที่สุดในโลก จุดต่อไปคือบ่อโคลนเดือดซาตุน มีไอน้ำร้อนพวยพุ่งออกมาตลอดเวลา และมีเส้นทางให้เดินเที่ยวชมจนถึงเนินเขาด้านบน
บ่าย นำท่านเข้าชมและแช่น้ำร้อนจากธรรมชาติที่ บลู ลากูน สปาน้ำร้อนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ผ่อนคลายไปกับน้ำแร่ที่อุ่นสบายซึ่งเป็นน้ำร้อนธรรมชาติจากใต้ดิน มีแร่ธาตุหลายชนิด มองเห็นเป็นสีฟ้าที่สวยงาม เป็นที่มาของชื่อ บลู ลากูน
เย็นเดินทางลัดเลาะไปตามชายทะเล ผ่านเมืองกรินดาวิก ไปถึงปลายแหลม ซึ่งมีไฮไลท์สำคัญคือ Bridge America - Europe เป็นสะพานเชื่อมสองทวีประหว่างอเมริกาและยุโรป เนื่องจากบริเวณนี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่สามารถมองเห็นแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือและยุโรปได้อย่างชัดเจน หากยืนอยู่กลางสะพานก็เปรียบเสมือนยืนอยู่ระหว่างสองทวีป
ค่ำ หากโชคดี ท้องฟ้าเปิด คืนนี้จะได้ชมแสงเหนือบริเวณประภาคาร Gardur จุดชมแสงเหนือที่ยอดเยี่ยมมากอีกแห่งหนึ่ง (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ)
พักที่ Aurora Hotel มีห้องน้ำในตัว พักห้องละ 2 ท่าน ( Free WiFi ) หรือเทียบเท่า
2 พฤศจิกายน 2568 : เรคยาวิก - ออสโล
05.00 เช็กอินสนามบินเรคยาวิก
07.50 ออกเดินทางโดยสายการบินไอซ์แลนด์แอร์ เที่ยวบิน FI 318
12.35 เดินทางถึงออสโล
14.15 ออกเดินทางต่อโดยการบินไทย เที่ยวบิน TG955
3 พฤศจิกายน 2568 : กรุงเทพฯ
06.15 เดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานคร สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมภาพประทับใจที่จะอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน
*** แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถกำหนดแน่นอนได้ การชมแสงเหนือในทุกคืนจะเลือกจุดดูที่ดีที่สุด อาจจะ เปลี่ยนแปลงสถานที่และเวลาจากที่กำหนดเอาไว้ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการชมแสงเหนือมากที่สุดในทุกๆ คืน สำหรับโรงแรม ที่พัก นอกเมืองจะอยู่ในทำเลที่มองเห็นแสงเหนือได้ดี ยกเว้นหากท้องฟ้าปิด หรือแสงเหนืออ่อน ทำให้ไม่มีโอกาสเห็นแสงเหนือก็จะงดกิจกรรมดูแสงเหนือตอนกลางคืน