top of page

Amazing Egypt
เจาะลึกอียิปต์ 2-13 ธันวาคม 2566  ว่าง 2 ที่ )

ขอเชิญร่วมเดินทางทริปประเทศอียิปต์ ประเทศที่มีอารยธรรมโบราณหลายพันปีอันน่าตื่นตาตื่นใจ เยือนมหาพีรามิด หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ชมมหาวิหารเก่าแก่มากมายอายุนับพันปี ตื่นตาตื่นใจกับหุบเขากษัตริย์ ชมเมืองและนครโบราณ เที่ยวเมือง อเล็กซานเดรีย และชมพิพิธภัณฑ์ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก Grand Egyptian Museum นำทริปโดย อาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร และทีมงานท้องถิ่น

***ไฮไลท์ของทริปนี้***

  • มหาพีรามิดกีซา หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก มรดกโลกยูเนสโก

  • Grand Egyptian Museum พิพิธภัณฑ์ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

  • เขื่อนไฮแดม หนึ่งในเขื่อนใหญ่ที่สุดในโลก

  • มหาวิหาร Abu Simbel มรดกโลกยูเนสโก

  • ล่องเรือแม่น้ำไนล์ พักบนเรือ 3 คืน

  • มหาวิหาร Edfu - Kom Ombo - Edfu temple - Esna

  • หุบเขากษัตริย์ สุสานฟาโรห์ตุตันคามุน

  • มหาวิหาร Temple of Hatshepsut

  • มหาวิหาร Luxor – Karnak temple

  • เมืองอเล็กซานเดรีย

  • โรงแรมหรู อาหารครบทุกมื้อ

egypt.jpg

ค่าใช้จ่าย ท่านละ 86,000 บาท ( ไม่รวมตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ กรุงเทพฯ - ไคโร )

จองทัวร์ มัดจำ 25,000 บาท ( แบบฟอร์มจองทัวร์ )

ส่วนที่เหลือชำระภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2566

* หลังจากจองทัวร์ กรุณาจองตั๋วเครื่องบินตามที่ระบุในรายการทัวร์

การยกเลิกทริป : 
1. แจ้งยกเลิกก่อนวันที่ 1 กันยายน 2566 คืนมัดจำเต็มจำนวน
2. แจ้งยกเลิกหลังวันที่ 1 กันยายน 2566 หักค่าทริป 20%
3. แจ้งยกเลิกหลังวันที่ 1 ตุลาคม 2566 หักค่าทริป 50%
4. แจ้งยกเลิกหลังวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ไม่คืนเงินทุกกรณี

ค่าใช้จ่ายรวม

ค่าวีซ่าประเทศอียิปต์
ตั๋วเครื่องบินในประเทศชั้นประหยัด 2 เที่ยวบิน ( ไม่รวมตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ - ไคโร )
ที่พักโรงแรม 6 คืนตามโปรแกรม

ที่พักบนเรือ 3 คืนตามโปรแกรม
อาหารทุกมื้อตามโปรแกรม
ค่ารถบัสนำเที่ยวตามโปรแกรม
ค่าบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ และสถานที่ต่างๆ ตามโปรแกรม

ค่าประกันอุบัติเหตุวงเงิน 2,000,000 บาท

ค่าใช้จ่ายไม่รวม

  • ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ สายการบินกาตาร์แอร์

  • ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าที่โรงแรม

  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ ท่านละ 100 USD

  • ค่าทีปทีมงานบนเรือ ท่านละ 21 USD

  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุในโปรแกรมเช่น ขี่อูฐ , ขึ้นบอลลูน

Egypt_00218.jpg
eg1.jpg

กำหนดการเดินทาง

2 ธันวาคม 2566  กรุงเทพฯ - ไคโร 

23.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เค้าท์เตอร์สายการบินกาตาร์แอร์เวย์

 

3 ธันวาคม 2566   โดฮา - ไคโร ( อาหารกลางวัน , ค่ำ )

02.10 น. ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน QR 837 ใช้เวลาบิน 7 ชั่วโมง 25 นาที

05.35 น. ถึงสนามบินโดฮา

07.35 น. ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน QR1303

10.40 น.  เดินทางถึงกรุงไคโร 

   เดินทางถึงไคโร ไกด์ท้องถิ่นรอรับที่สนามบิน ออกเดินทางด้วยรถบัสปรับอากาศ เดินทางไปชมมหาพีรามิดแห่งกีซ่าอันยิ่งใหญ่ พีระมิดคูฟูหรือ พีระมิดคีออปส์ นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า มหาพีระมิดแห่งกีซา ( The Great Pyramid of Giza ) เป็น พีระมิดในประเทศอียิปต์ที่มีความใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุดในกลุ่มพีระมิดแห่งกีซาเชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัย ฟาโรห์คูฟู (Khufu) แห่ง ราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นที่เก็บรักษาพระศพ ไว้รอการกลับมาคืนชีพ ตามความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้น มหาพีระมิดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและเป็นหนึ่งเดียว ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
อาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

    บ่ายเดินทางไปชมพีรามิดแห่งแรกในหมู่พีรามิดทั้งมวลชื่อ Saqqara พีระมิดแห่งโจเซอร์ หรือ พีระมิดขั้นบันได เป็นโบราณสถานที่ยังคงอยู่ในสุสานในเมืองซัคคาราทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเมมฟิส มันถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 27 ก่อนคริสตกาล สำหรับการฝังศพของฟาโรห์โจเซอร์ ประกอบด้วยมาสตาบาซ้อนขึ้นไปหกชั้นและก็มีขนาดลดหลั่นไปตามชั้น และก็มีชั้นบนสุด ซึ่งมีขนาดเล็ก เดิมพีระมิดขั้นบันได สูงประมาณ 62 เมตร และฐานมีความยาวประมาณ 109 เมตร × 125 เมตร และถูกฉาบด้วยหินปูนสีขาว ทั้งนี้พิระมิดของโจเซอร์เป็นพิระมิดที่ก่อสร้างจากหินแกรนิตตัดที่มีขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุด จากนั้นเดินทางไปยังเมือง Memphis รับประทานอาหารค่ำบนเรือ
​พักโรงแรม Radisson Blu hotel หรือเทียบเท่า

1600_0Y1O3044 2.JPG

4 ธันวาคม 2566    อัสวาน - เขื่อนไฮแดม ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )

  เช้า รับอาหารเช้าแบบกล่อง จากนั้นเดินทางไปสนามบินไคโร 

07.05 ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน NP081 เพื่อเดินทางไปยังเมืองอัสวาน ใช้เวลาบิน 1.20 ชั่วโมง

  จากนั้นเดินทางไปชม เขื่อนไฮแดม หนึ่งในเขื่อนใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 11 ปี แล้วเสร็จในปี 1971 จากนั้นไปชมเสาโอเบลิสก์ที่ยังสร้างไม่เสร็จซึ่งเป็นของราชินีฮัตเชปซุต จากนั้นนำท่านขึ้นเรือ รับประทานอาหาร และอิสระพักผ่อนตามอัธยาศรัย

  บ่าย เดินทางไปยังเกาะ Elephantine Island ชมสวน Botanical gardens เพลิดเพลินกับดอกไม้นานาชนิดที่นำพันธุ์มาจากแอฟริกา อินเดีย และตะวันออกกลาง

พักที่โรงแรม Movenpick Aswan 

5 ธันวาคม 2566    อัสวาน - มหาวิหาร Abu Simbel ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )  

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางสู่เมืองอัสวาน เป็นนครทางใต้ของประเทศอียิปต์ เป็นเมืองหลวงของเขตผู้ว่าการอัสวาน อัสวานมีตลาดที่คึกคักและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขื่อนอัสวานบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์ เมืองสมัยใหม่มีการขยับขยายและเมืองยังรวมถึงเกาะเอลิฟานไทน์ เมืองเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network) ประเภทศิลปะทำด้วยมือและศิลปะพื้นบ้าน

  นำท่านชม มหาวิหาร Abu Simbel ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนทางตอนใต้ของอียิปต์ มหาวิหารอาบูซิมเบล เป็นวิหารหินขนาดมหึมา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของอียิปต์ที่ชนะนิวเบียในสมรภูมิแห่งคาเดส จุดเด่นของวิหารแห่งนี้คือ รูปแกะสลักองค์ฟาโรห์รามเลส ที่นั่งประทับอยู่บนบัลลังก์หน้าวิหารถึงสี่องค์ แต่ละองค์มีความสูง 20 เมตร ประกอบขึ้นจากหินขนาดใหญ่สองก้อน มีลักษณะเป็นรูปปั้นองค์ฟาโรห์ทั้งสี่ ส่วนองค์ที่สองถล่มลงเนื่องจากแผ่นดินไหว เป็นโบราณสถานหนึ่งในมรดกโลกขององค์การยูเนสโก นอกจากนี้ยังรู้จักกันในนาม อนุสรณ์สถานแห่งนิวเบีย แต่เดิมมหาวิหารถูกก่อสร้างโดยการเจาะแกะสลักเข้าไปในภูเขาหินในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ในช่วงศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสตกาล และยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งสุดท้ายของพระองค์และพระมเหสีของพระองค์นั้นคือพระนางเนเฟอร์ทารี ซึ่งอะบูซิมเบล ยังมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกับชัยชนะของอียิปต์ที่มีต่อนิวเบียที่สมรภูมิแห่งคาเดส อีกทั้งเพื่อเป็นการข่มขู่นิวเบียไม่ให้มารุกรานอียิปต์ซึ่งเป็นอาณาจักรใกล้เคียง อย่างไรก็ตามมหาวิหารทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายโดยคณะวิศวกรจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งใช้เวลาตลอดทั้งทศวรรษที่ 1960 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน้ำท่วมจากการสร้างเขื่อนอัสวาน อันจะส่งผลให้มหาวิหารและโบราณสถานที่รายรอบอยู่ต้องจมอยู่ก้นทะเลสาบนัสซอร์ ปัจจุบันมหาวิหารเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากและโด่งดังแห่งหนึ่งของอียิปต์ 

  จากนั้นเดินทางกลับอัสวาน เดินทางขึ้นเรือ และรับประทานอาหารกลางวันบนเรือ บ่ายอิสระพักผ่อนตามอัธยาศรัย บนเรือมีดาดฟ้าชมวิวทิวทัศน์ และสระว่ายน้ำ 

  ค่ำรับประทานอาหารค่ำ

พักบนเรือ Royal Esadora nile cruise หรือเทียบเท่า

nile-cruise-and-stay.jpg
eg6.jpg

6 ธันวาคม 2566  Edfu - Kom Ombo - Edfu temple – Esna ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )  

   ในวันนี้เรือจะล่องไปตามแม่น้ำไนล์ จากเมือง Kom ไปยัง Ombo จากนั้นนั่งรถม้าไปเยี่ยมชม วิหารคอมออมโบ (TEMPLE OF KOMOMBO) สร้างเพื่อถวายแด่เทพเจ้า 2 องค์ คือเทพโซเบ็ก เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์หรือเทพผู้สร้างโลก รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ซึ่งมีเศียรเป็นจระเข้ และเทพฮอรัส (HORUS) มีเศียรเป็นเหยี่ยว เป็นเทพเจ้าแห่งความดีและฉลาดรอบรู้ ซึ่งได้รับการนับถืออย่างมากจากชาวอียิปต์โบราณ ที่ผนังของวิหารคอมออมโบ ยังปรากฏภาพสลักเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ปรากฎให้เห็นอยู่ นอกจากนี้ยังมีเครื่องวัดระดับน้ำ ซึ่งเรียกว่า ไนล์โลมิเตอร์ ที่เป็นตัวช่วยประเมินการบอกปริมาณผลผลิตในแต่ละปี และทำให้ทางการสามารถกำหนดระดับภาษีที่ต้องเก็บจากประชาชน ( รับประทานอาหารกลางวันบนเรือ )

รับประทานอาหารค่ำและพักบนเรือ Royal Esadora nile cruise หรือเทียบเท่า ( หลังอาหารค่ำมีงาน Galabia party ที่เล้าจ์ )

7 ธันวาคม 2566  Valley of the Kings - Temple of Hatshepsut - Colossi of Memnon ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )  

   เช้าวันนี้จะเริ่มต้นด้วยการเที่ยวชมหนึ่งในไฮไลท์ของทริปอียิปต์โบราณ นั่นคือ Valley of the Kings หุบเขากษัตริย์ เป็นหุบเขากว้างใหญ่ที่ใช้เป็นหลุมศพของกษัตริย์และราชวงศ์ในราชอาณาจักรใหม่ (ตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 18 ถึง 20 ของอียิปต์โบราณ) หุบเขาแห่งนี้ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ฝั่งตรงข้ามกับเมืองธีปส์ (หรือลักซอร์ในปัจจุบัน) ตั้งอยู่ใจกลางของธีบันเนโครโปลิส บริเวณที่อุดมสมบูรณ์ในทะเลทรายนั้นประกอบด้วย 2 หุบเขาคือ หุบเขาตะวันออก (ที่เป็นที่ตั้งของสุสานเป็นส่วนใหญ่) และหุบเขาตะวันตก

  ในปี 2006 ได้มีการค้นพบห้อง เควี 63 และในปี 2008 ได้ค้นพบทางเข้าสุสานอีก 2 แห่ง หุบเขานี้มีหลุมศพอยู่ 63 แห่งและห้องต่างๆ สลับซับซ้อนมากกว่า 120 ห้อง รวมถึงยังมีสุสานของบุคคลสำคัญอีกหลายแห่ง สุสานตกแต่งด้วยภาพของเทพเจ้าอียิปต์และได้ให้ข้อมูลความเชื่อเกี่ยวกับพิธีศพในช่วงเวลานั้น สุสานทั้งหมดดูเหมือนจะถูกเปิดและโจรรกรรมวัตถุโบราณไปแล้ว แต่ก็ยังให้แนวคิดเกี่ยวกับความมั่งคั่งและอำนาจในการปกครองในยุคนั้น

  หุบเขากษัตริย์มีชื่อเสียงอย่างมากหลังจากการค้นพบสุสานของฟาโรห์ตุตันคามุน ซึ่งเป็นที่เลื่องลือด้านคำสาปฟาโรห์ และยังถือเป็นหนึ่งในสถานที่โบราณคดีที่โด่งดังที่สุดในโลก ในปี ค.ศ. 1979 ถูกยกให้เป็นมรดกโลก ร่วมกับส่วนที่เหลือของธีบันเนโครโพลิส ปัจจุบันการค้นพบ การขุดค้นหาวัตถุโบราณ และการอนุรักษ์ยังคงดำเนินการต่อไป และยังถือเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่เปิดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เข้าเยี่ยมชมภายใต้กฏระเบียบที่เข้มงวด

  จากนั้นไปเที่ยวชม Temple of Hatshepsut วิหารฟาโรห์แฮตเซปซุต เป็นวิหารที่สร้างขึ้นจากหน้าผาหินที่มีความสูงกว่า 300 เมตร ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล หลังจากฟาโรห์ทุธโมซิสที่ 2 สิ้น ทำให้พระโอรสของพระนางไอซิสต้องขึ้นครองบังลังก์ เป็นฟาโรฟ์ทุธโมซิสที่ 3 (Tuthmosis III) แต่เนื่องจากตอนนั้นพระโอรสยังเล็กมาก พระนางไอซิสจึงต้องขึ้นครองบังลังก์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ห้าในราชวงศ์ที่สิบแปดแห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นสตรี เจมส์ เฮนรี บรีสด์ (James Henry Breasted) นักไอยคุปต์วิทยา กล่าวว่า พระนางทรงเป็นที่รู้จักกันว่า "เป็นอิสตรีผู้ยิ่งใหญ่พระองค์แรกในประวัติศาสตร์ ที่พวกเรามีข้อมูล" พระนางเป็นอิสตรีผู้ที่ครองบัลลังค์เป็นฟาโรห์องค์ที่สามแต่กลับเป็นที่รู้จักอย่างมากในฐานะ "ราชินีมีเครา" มาจากการที่พระนางได้สวมเคราปลอมเหมือนบุรุษฟาโรห์ทำกัน พระนางได้แต่งตำนานเกี่ยวกับประสูติกาลของพระนางว่า "เมื่อเทพอามุนผู้ยิ่งใหญ่แห่งนครธีบส์ หลงรักหญิงงามนามว่าอาโมส อามุนได้เข้าหานางและมีสัมพันธ์กับนาง โดยที่พระองค์อามุนแต่งตั้งบุตรีในครรภ์ของอาโมสเป็นผู้นั่งบัลลังค์ฮอรัสตลอดไป" ดังนั้นถือได้ว่าเป็นการฉลาดที่พระนางแต่งตำนานไว้เพื่อให้ไม่มีประชาชนหน้าไหนกล่าวหาพระนางได้อีก พระนางมีพระราชกรณียกิจในการบำรุงเศรษฐกิจของอียิปต์ และค้าขายกันกับดินแดนพันท์และได้ของมีค่ามากมายกลับมา โดยวิหารสุสานของนางมีชื่อว่าเดียร์-เอล-บาฮารี หรือในภาษาอียิปต์โบราณว่า"เจเซร์-เจเซร์รู"(Djeser-djeseru)

รับประทานอาหารค่ำและพักบนเรือ Royal Esadora nile cruise หรือเทียบเท่า

 

eg7.jpg

8 ธันวาคม 2566  Luxor – Karnak temple - Sound and light show at Karnak temple ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )

* หากต้องการขึ้นบอลลูนชมวิวมุมสูง จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มต่างหาก (ก่อนอาหารเช้า)

   ในวันนี้จะล่องเรือชมวิหารต่างๆ ที่มีอยู่มากมายริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ที่โดดเด่นมากคือ วิหารคาร์นัค หรือ Great Temple of Karnak ตั้งอยู่ที่เมืองลักซอร์ ได้รับการขนานนามว่า เป็นมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดในอียิปต์ เป็น Open air Museum ที่บอกเล่าเรื่องราวของชาวอียิปต์โบราณได้เป็นอย่างดี  คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยฟาโรห์เซซอสตริสที่ 1 (Sesostris I) กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์ที่ 12 หรือปี 1991 ก่อนคริสตกาล และได้รับการบูรณะ ก่อสร้างเพิ่มเติมในช่วงราชวงศ์ที่ 18-20 จากนั้นก็มีการบูรณะต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงสมัยที่โรมันเข้าครอบครองอียิปต์ นับเป็นเวลาติดต่อกันถึง 2,000 กว่าปี การต่อเติมวิหารคาร์นัคอยู่เรื่อยๆ นี้ทำให้พื้นที่ของวิหารกว้างขวางใหญ่โตจนกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ของอียิปต์ซึ่งรองจากพีระมิดแห่งกีซา วิหารคาร์นัคสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่ เทพเจ้าอะมอนรา (Amon-Re) หรือ สุริยะเทพ ซึ่งคือ เทพแห่งดวงอาทิตย์ ที่เป็นบิดาแห่งมวลมนุษย์ และสรรพสิ่งทั้งหลาย รวมถึงความเชื่อที่ว่า ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในชัยชนะเหนือศัตรูทั้งหลายของเหล่าฟาโรห์นั้นมาจากเทพเจ้าอะมอนราทั้งสิ้น ทำให้ที่นี่มีความสำคัญมากมายต่ออาณาจักรนี้เลยทีเดียว ความโดดเด่นของวิหารคาร์นัคนั้นอยู่ที่ รูปปั้นสฟิงซ์หัวแกะ หมอบนั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้าวิหารเรียงรายจนเข้าไปถึงด้านใน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเทพเจ้า ในส่วนหน้าของวิหารมีเสาโอเบลิสก์ตั้งอยู่ ซึ่งแต่เดิมเคยมี 2 ต้น แต่ในสมัยพระเจ้ามูฮัมหมัดได้ส่งไปเป็นของขวัญให้ฝรั่งเศส 1 ต้น ปัจจุบันจึงเหลือแค่ต้นเดียว ด้านหลังเสามีรูปสลักฟาโรห์รามเสสที่ 2 และบริเวณด้านหลังของมหาวิหาร ยังมีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีบูชาเทพเจ้าอีกด้วย

   ภายในวิหารคาร์นัคนั้นประกอบด้วย วิหารหลัก ถึง 3 วิหาร ที่รวมกันคือ วิหารเทพี Mut (เทพมารดาและราชินีแห่งเทพทั้งมวล) วิหารเทพ Montu (เทพแห่งสงคราม) ซึ่งเคยเป็นเทพประจำถิ่นนี้มาก่อน และ วิหารเทพ Amon และภายในอาณาบริเวณนี้ก็ยังประกอบด้วยวิหารอื่นๆ อีกหลายวิหาร ส่วนสำคัญที่สุดของที่นี่ก็คือ วิหาร Amon ซึ่งภายในจะมี Great Hypostyle Hall ห้องโถงที่มีเสาหินขนาดใหญ่ถึง 134 ต้น กินพื้นที่ถึง 6,000 ตารางเมตร เสาแต่ละต้นมีความสูงและกว้างใหญ่มาก โดยจะสลักอักษรภาพที่แสดงถึงวิถีชีวิต และกิจกรรมของฟาโรห์ที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องศาสนาและสงคราม เสาบางต้นตรงหัวเสามีรูปดอกปาปิรัสประดับเอาไว้  นับว่าวิหารคาร์นัคเป็นมหาวิหารอันยิ่งใหญ่มากแห่งหนึ่งของโลก โดยมีฟาโรห์ถึง 30 พระองค์ร่วมกันก่อสร้างวิหารแห่งนี้เพื่อบูชาเทพเจ้า เป็นศูนย์รวมความเชื่อ ความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวอียิปต์โบราณ และเป็นร่องรอยความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ 

รับประทานอาหารค่ำ ( หลังอาหารค่ำ ชมการแสดงแสงสีเสียงที่ วิหารคาร์นัค )

พักที่โรงแรม Steigenberger Nile Palace Luxor hotel หรือเทียบเท่า

9 ธันวาคม 2566 Luxor - CAIRO ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )

   หลังอาหารเช้า เดินทางไปสนามบินลักซอร์ 

09.40 ออกเดินทางกลับไปยังกรุงไคโร เที่ยวบิน NP072

10.50 เดินทางถึงไคโร นำท่านเดินทางไปยังโรงแรม รับประทานอาหารกลางวัน

  บ่าย พักผ่อนตามอัธยาศรัยที่โรงแรม เตรียมไปเที่ยวชมมหาพีรามิดยามค่ำคืน เพื่อชมแสงสีและเรื่องราวที่น่าสนใจในกิจกรรมที่เรียกว่า  Pyramids light show

รับประทานอาหารค่ำ 

​พักโรงแรม Radisson Blu hotel หรือเทียบเท่า

10 ธันวาคม 2566 Grand Egyptian Museum ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )
      
หลังอาหารเช้า เดินทางไปชม The Grand Egyptian Museum ใช้งบก่อสร้างสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 36,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 20 ปี เปิดให้ชาวโลกได้ชมเป็นครั้งแรกในปี 2023 ภายในพิพิธภันฑ์มีพื้นที่กว้างขวางราว 490,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยโบราณสถาน และวัตถุล้ำค่าทางประวัติศาสตร์เก่าแก่นานกว่า 8,000 ปี ที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี โดยไฮไลต์อยู่รูปปั้นขนาดยักษ์ของฟาโรห์ราเมซีสที่ 2 ที่จะตั้งตระหง่านอยู่ในห้องโถงหลัก และโบราณวัตถุที่ขุดพบในสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมนกว่า 5,400 ชิ้น ซึ่งไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อนอีกด้วย The Grand Egyptian Museum สร้างอยู่บนพื้นที่ลาดชัน และตัวอาคารส่วนใหญ่นั้นจะตั้งอยู่ใต้ดินเพื่อให้ไม่สร้างความรบกวนทางสายตากับโบราณสถานโดยรอบ ภายในจะประกอบไปด้วยแกลเลอรี ศูนย์ประชุม โซนร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงส่วนงานศึกษาและงานวิจัยเองก็ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เช่นกัน

    การเที่ยวชมเริ่มต้นจากรูปปั้นของฟาโรห์แรเมซีสที่ 2 ขนาดยักษ์ที่จะยืนต้อนรับผู้เข้าชมอยู่ที่โถงใหญ่อันเป็นไฮไลต์สำคัญหนึ่งของที่นี่ และที่น่าตื่นเต้นที่สุดคงหนีไม่พ้นคอลเล็กชันโบราณวัตถุของตุตันคาเมนทั้งหมดที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนกว่า 5,400 ชิ้น ซึ่งถูกขุดขึ้นมาโดย ฮาเวิร์ด คาร์เตอร์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษในปี 1922 ซึ่งมีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า หรือแม้แต่กางเกงใน ที่จะทำให้เราได้ใกล้ชิดกับฟาโรห์ตุตันคาเมนมากขึ้น เพราะเขาได้นำวัตถุเหล่านั้นมาจัดแสดงพร้อมเล่าเรื่องราวที่เข้มข้นมากขึ้น คุณจะได้รู้แม้กระทั่งว่าตุตันคาเมนนั้นกินอะไร ใช้ชีวิตอย่างไร โดยจะกินพื้นที่จัดแสดงถึง 2 ส่วนใหญ่ๆ กว่า 7,000 ตารางเมตร

  งานจัดแสดงที่คุณอาจต้องเผลอร้องว้าวคือ บันไดยาวที่จะจัดแสดงวัตถุเรียงมาตั้งแต่ยุคพรีไดนาสตี้ หรือยุคอียิปต์โบราณก่อนราชวงศ์ ซึ่งเก่าแก่ประมาณ 3,100 ปีก่อนคริสตกาล โดยจะแสดงควบคู่กับยุคก่อสร้างพีระมิดที่เรียกว่า Old Kingdom ก่อนจะค่อยๆ ขยับไปที่ยุค Middle Kingdom อันเป็นยุคที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ เนื่องจากมีชิ้นงานที่จัดแสดงน้อย ทั้งๆ ที่มีวิวัฒนาการในเรื่องของศิลปะโบราณอยู่ค่อนข้างสูง ส่วนยุค New Kingdom จัดแสดงวัตถุจากยุคของตุตันคาเมน แรเมซีส ไปจนถึงยุคเกรโก-โรมัน

รับประทานอาหารค่ำ 

​พักโรงแรม Radisson Blu hotel หรือเทียบเท่า

11 ธันวาคม 2566 : Alexandria ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )

     หลังอาหารเช้า เดินทางขึ้นเหนือไปยังเมือง Alexandria city เมืองอเล็กซานเดรียอยู่ทางเหนือสุดของอียิปต์ เป็นเมืองเก่าที่ติดอยู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เคยปกครองโดยชาวเมืองอียิปต์ ดั้งเดิม ภายหลังตกเป็นของกรีก โรมัน จนมาถึงการเข้ามาของศาสนาอิสลามจากอาณาจักรออโตมัน เมืองนี้เลยมีศิลปะของทางกรีก โรมัน ตุรกี ปะปนกัน ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 3-5 ล้านคน และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง เดิมทีเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ชื่อว่า ราคอนดาห์ เมื่อประมาณ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปีก่อนคริสตกาล พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเดินทางมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมือง เพื่อใช้เป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์ เย็นเดินทางกลับไคโร

รับประทานอาหารค่ำ 

​พักโรงแรม Radisson Blu hotel หรือเทียบเท่า

12 ธันวาคม 2566 CAIRO

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางไปชม Royal palace (Abdeen Palace) พระราชวังอับดีน  เป็นพระราชวังเก่าแก่ของกรุงไคโร สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของอดีตกษัตริย์ปกครองและราชวงศ์ของอียิปต์ ปัจจุบันเป็นที่อยู่อาศัยอย่างเป็นทางการแห่งหนึ่งและเป็นสถานที่ทำงานหลักของประธานาธิบดีอียิปต์ ซึ่งตั้งอยู่เหนือถนน Qasr el-Nil ในย่านดาวน์ทาวน์ไคโร ทางตะวันออกของอียิปต์

  จากนั้นไปเที่ยวชม Khan Khalili Bazar เป็นตลาดนัดและตลาดที่มีชื่อเสียง (หรือซูค) ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ก่อตั้งขึ้นในฐานะศูนย์กลางการค้าในยุคมัมลุกและได้รับการตั้งชื่อว่าเป็นหนึ่งในคาราวานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง นับแต่นั้นมา ย่านตลาดสดได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของไคโรสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวอียิปต์ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของช่างฝีมือชาวอียิปต์และเวิร์กช็อปที่เกี่ยวข้องกับการผลิตงานฝีมือและของที่ระลึกแบบดั้งเดิม ชื่อ Khan el-Khalili ในอดีตหมายถึงอาคารเดียวในพื้นที่ วันนี้หมายถึงย่านช้อปปิ้งทั้งหมด อิสระเดินเที่ยวและช้อปปิ้งตามอัธยาศรัย จากนั้นเดินทางไปเช็กอินที่สนามบินเวลา 17.00 น.

20.05 น. ออกเดินทางโดยสายการบินการ์ตาร์ เที่ยวบิน QR1302 

00.05 น. เดินทางถึงสนามบินโดฮา   

 

13 ธันวาคม 2566  กรุงเทพฯ

02.20 น. ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน QR 836

12.50 น. เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พร้อมภาพประทับใจที่จะอยู่ในความทรงจำดีๆ ไปอีกนานแสนนาน

 

eg8.jpg
eg4.jpg
bottom of page