ทัวร์เจาะลึกไอซ์แลนด์ ซัมเมอร์ 17 วัน
ชมทิวทัศน์สุดอลังการ เดินทางวนรอบประเทศ
ทริปเดียวเที่ยวครบทั้ง 5 ภูมิภาค
สัมผัสสุดยอดประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ทัวร์ประเทศไอซ์แลนด์ ซัมเมอร์ ช่วงเวลาพระอาทิตย์เที่ยงคืน มีแสงสว่างตลอด 24 ชั่วโมง วนรอบประเทศกว่า 1,300 กิโลเมตรครบทุกภูมิภาพในทริปเดียว ชมสุดยอดทิวทัศน์อันน่ามหัศจรรย์และหลากหลายของไอซ์แลนด์ อาทิ น้ำตกขนาดใหญ่ตระการตา ธารน้ำแข็งโบราณ หาดทรายดำ และ ธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ทั่วทั้งประเทศเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง ทุ่งดอกลูปินสีม่วงนับแสนไร่ พร้อมด้วยกิจกรรมขี่สโนว์โมบิล ล่องเรือชมวาฬ กลาเซียร์วอร์คเดินบนธารน้ำแข็ง แช่น้ำแร่บลูลากูน นำทริปโดยอาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร


ค่าใช้จ่าย : ท่านละ 178,000 บาท ( ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ - เรคยาวิก )
โปรดทราบ :
ทริปนี้เดินทางกลุ่มเล็ก 14 ท่าน โดยใช้รถมินิบัส 17 ที่นั่ง มีผู้นำทริป 1 ท่าน จะเป็นผู้ขับรถนำเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ตามโปรแกรม ทำให้สะดวกสามารถจอดรถถ่ายภาพวิวได้ทุกสถานที่ เนื่องจากไอซ์แลนด์มีภูมิประเทศ และทิวทัศน์ที่งดงาม ซึ่งจะได้พบเห็นตลอดการเดินทาง
ค่าใช้จ่ายรวม
-
ค่าที่พักตามโปรแกรม
-
ค่าอาหารเช้าที่โรงแรมตามโปรแกรม ( ไม่รวม ค่าอาหารกลางวันและอาหารค่ำ )
-
ค่าประกันเดินทางคุ้มครองสูงสุด 3,000,000 บาท
-
ค่ารถมินิบัส 17 ที่นั่ง นำเที่ยวตามโปรแกรม
-
ค่าบัตรท่องเที่ยวและแช่สปาน้ำร้อนที่ Blue Lagoon
-
ค่าล่องเรือชมวาฬ
-
ค่ากิจกรรมขี่สโนว์โมบิล
-
ค่ากิจกรรมกลาเซียร์วอร์ค เดินเที่ยวบนธารน้ำแข็งโบราณ
-
ค่ากิจกรรมล่องเรือชมก้อนน้ำแข็งไอซ์เบิร์กที่กลาเซียร์ลากูน
-
ค่าบัตรชมวิวเรกยาวิกมุมสูงที่โบสถ์ฮัลกริมสเคียร์ค่า
-
ค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นการเหมาจ่าย หากท่านยกเลิกโปรแกรมท่องเที่ยวใดๆ ระหว่างเดินทาง จะไม่ได้รับเงินคืน
ค่าใช้จ่ายไม่รวม
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ - เรคยาวิก
2. ค่าขอวีซ่าไอซ์แลนด์ ผู้ร่วมเดินทางต้องยื่นวีซ่าด้วยตนเอง ( ทีมงานจะจัดเตรียมเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับรายการทัวร์เป็นภาษาอังกฤษและนำไปให้ในวันยื่นวีซ่า )
3. ค่าอาหารกลางวันและอาหารค่ำ ( ที่พักบางแห่งไม่มีอาหารเช้า )
4. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุในโปรแกรม

ข้อควรทราบ
1 ) อุณหภูมิที่ไอซ์แลนด์เดือนมิถุนายน-กรกฎาคมประมาณ 5-20 องศา ( หากมีลม จะรู้สึกหนาวมากขึ้น )
2) น้ำหนักกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง ไม่เกิน 23 กิโลกรัม
3 ) อัตราแลกเปลี่ยน 1 ISK = 0.30 บาท (โดยประมาณ )
4 ) อาหารกลางวันและอาหารค่ำ ไม่รวมในค่าทริป ( มีอาหารเช้าที่โรงแรม, บางแห่งไม่มีอาหารเช้า )
5 ) ควรแลกเงินยูโร เพื่อแลกเป็นเงิน ISK ที่สนามบินเรคยาวิก (ไอซ์แลนด์)
6 ) ร้านค้าต่างๆ รับบัตรเครดิต หรือเดบิต โดยไม่มีขั้นต่ำ
อาหาร
1. อาหารเช้าแบบบุฟเฟห์หรืออาหารชุดที่โรงแรม
2. อาหารกลางวันและอาหารค่ำ ( ไม่รวมในค่าทริป ) ทีมงานจะนำสมาชิกไปรับประทานตามร้านอาหารระหว่างเส้นทางในเวลากลางวัน ( ค่าอาหารประมาณมื้อละ 500 - 1,500 บาท )
3. สามารถนำอาหารสำเร็จรูปจากเมืองไทยเข้าไอซ์แลนด์ได้ ยกเว้นผลไม้และอาหารสด ( ที่พักบางแห่งเป็นอพาร์ทเม้นท์ มีครัวขนาดเล็กพร้อมอุปกรณ์ครัวในห้อง, กรณีห้องพักแบบอพาร์ทเม้นท์ จะไม่มีบริการอาหารเช้า )
ข้อแนะนำการแต่งตัวและสิ่งของที่ควรเตรียมไป
1. เสื้อผ้ากันหนาว รองรับอุณหภูมิต่ำสุด 5 องศา
2. เสื้อกันฝน แบบเบาพกพาได้สะดวก
2. รองเท้าเดินป่าชนิดกันน้ำ
3. ยาประจำตัว ( ถ้ามี )
กำหนดการ
วันที่ 1 กรุงเทพฯ - เรคยาวิก
22.30 พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เค้าน์เตอร์สายการบินฟินแอร์
01.20 ออกเดินทางโดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG950 ( เวลาบินอาจเปลี่ยนแปลงได้ )


วันที่ 2 เรคยาวิค โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา ช้อปปิ้งถนนคนเดิน
07.40 เดินทางถึงสนามบินโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก
14.05 ออกเดินทางต่อโดยสายการบินไอซ์แลนด์แอร์ เที่ยวบิน FI 205
15.25 น. เดินทางถึงเรคยาวิก เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลมากนัก ทำเลที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ด้านมุมล่างของอ่าว Faxaflói ซึ่ง Ingolfur Arnarson ชาวนอร์ดิค เป็นผู้อพยพคนแรกที่มาตั้งรกรากที่เรคยาวิกในปี พ.ศ. 1413 เมื่อเรคยาวิกกลายเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าและธุรกิจการประมง จึงได้มีการก่อตั้งให้เป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 2329 ปัจจุบันเขตเมืองมีประชากรประมาณ 150,000 คน ประกอบด้วย 7 เทศบาลนครซึ่งรวมเทศบาลนครเรคยาวิก
หลังจากเเช็กอินเข้าที่พัก นำท่านเดินทางเข้าเมืองหลวงเรคยาวิก ชมและถ่ายภาพโบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ สามารถขึ้นลิฟท์โดยสารไปยังชั้นบนสุดเพื่อชมวิวเรคยาวิกได้อย่างชัดเจนในมุมสูง โบสถ์ดังกล่าวมีความสำคัญในฐานะเป็นศาสนสถานที่สำคัญ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ มองจากด้านหน้าตรง ดูคล้ายยานอาวกาศ ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 38 ปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 จนถึงปี ค.ศ.1986 ด้านหน้าโบสถ์มีอนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน (Leifr Eiriksson) มือถือขวานและหนังสือ เป็นสัญลักษณ์ของการผจญภัย โดย เลฟร์ เป็นคนแรกที่เดินทางไปแถบอเมริกาเหนือและกรีนแลนด์ สร้างโดยสหรัฐอเมริกามอบให้แก่ไอซ์แลนด์เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 1 พันปี รัฐสภา “Althing”
ค่ำ : อิสระอาหารค่ำที่ถนนสายช้อปปิ้ง Laugavegur มีร้านค้าต่างๆ มากมาย
พักที่โรงแรม Vellir หรือเทียบเท่า ( พักห้องละ 2 ท่าน, ห้องน้ำในตัว, ฟรี WiFi ในห้องพัก )





วันที่ 3 น้ำตกปรูอาร์ฟอสส์ น้ำพุร้อนไกเซอร์ แหลมสเนฟเฟลเนส แท่งหินบะซอลต์ อุทยานแห่งชาติสเนฟเฟลเนสโจกุล ภูเขาเคิร์กจูเฟล
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางขึ้นเหนือไปตามถนนหลวงหมายเลข 1 ที่เป็นถนนหลวงสายหลักเพียงสายเดียวในไอซ์แลนด์ ในทริปนี้จะเดินทางวนรอบประเทศเป็นวงกลม ระยะทางประมาณ 1,300 กิโลเมตร ถนนจะเลียบชายทะเลที่มีทิวทัศน์งดงามตระการตา บางช่วงถนนจะลอดลงสู่ใต้ทะเลยาวหลายกิโลเมตร เส้นทางช่วงนี้จะมองเห็นทุ่งดอกลูปินบานสะพรั่งอย่างสวยงามในฤดูร้อน
จุดหมายแรกของเช้าวันนี้คือ น้ำตกสีฟ้าชื่อดังสุดมหัศจรรย์ชื่อ น้ำตกปรูอาร์ฟอสส์ มีจุดเริ่มต้นเดินจากริมถนนใหญ่ เป็นทางเดินเลียบลำธารไปจนถึงตัวน้ำตก มองเห็นน้ำเป็นสีฟ้าไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ โดยมีจุดชมวิวเป็นสะพานข้ามลำธาร หรือจะเดินลงไปสัมผัสน้ำตกอย่างใกล้ชิดก็ทำได้
เที่ยง อิสระอาหารกลางวันที่ร้านอาหารบริเวณน้ำพุร้อนไกเซอร์ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์
บ่าย ออกเดินทางสู่แหลมสเนฟเฟลเนส ดินแดนที่มีทิวทัศน์อันงดงามอลังการ ตื่นตาตื่นใจกับแท่งหินบะซอลต์ที่ตั้งเรียงกันบนเนินเขาราวกับกำแพง เป็นธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์อย่างหนึ่งบนเส้นทางสายนี้ ระหว่างทางจะเห็นทุ่งลาวากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สลับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ซึ่งมีแกะเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของไอซ์แลนด์ บางฟาร์มเลี้ยงวัว และม้า
เย็นเดินทางไปเที่ยวกันต่อที่ เคิร์กจูเฟล (Kirkjufell) เรียกเป็นภาษาอังกฤษคือ Church Mountain หรือ “ภูเขาโบสถ์” ว่ากันว่ามีที่มาจากรูปร่างของภูเขาซึ่งคล้ายคลึงกับโบสถ์ บ้างก็ว่าคล้ายหมวกของแม่มด หากมองใกล้ๆ จะเห็นว่าตัวภูเขาจะมีลักษณะเป็นชั้นๆ ต่างสีกัน ชั้นล่างสุดจะเป็นฟอสซิล ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดตั้งแต่ยุคน้ำแข็งเป็นล้านปีมาแล้ว ส่วนชั้นบนซึ่งเป็นหินลาวา เกิดในช่วงที่ยุคน้ำแข็งเริ่มอุ่นขึ้นและมีอายุหินน้อยกว่าชั้นล่าง
ภูเขาแห่งนี้เป็นภูเขาสูง 463 เมตร ตั้งอยู่ริมทะเลอย่างโดดเดี่ยว เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดของไอซ์แลนด์ ใกล้ๆ กันมีน้ำตก Kirkjufellsfoss นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะถ่ายภาพน้ำตกแห่งนี้โดยมีฉากหลังเป็นภูเขา
พักที่ Dis Cottage บ้านพักในรูปแบบอพาร์ทเม้นท์ มีห้องครัวและอุปกรณ์ครัวครบ ไม่มีอาหารเช้า พักห้องละ 2 ท่าน มีห้องน้ำในตัว ฟรี WiFi




วันที่ 4 ล่องเรือเฟอรี่ ภูมิภาคเวสต์ฟยอร์ด น้ำตกอินจันดิ
เช็กเอ้าท์ออกจากที่พักเดินทางไปท่าเรือ ล่องเรือเฟอรี่ข้ามไปยังเวสต์ฟยอร์ด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
เวสต์ฟยอร์ด เป็น ดินแดนอันไกลโพ้นทางภูมิภาพตะวันตกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์ ซึ่งน้อยคนนักที่มีโอกาสได้เดินทางมาเยือน เนื่องจากในฤดูหนาวเส้นทางจะถูกตัดขาดจากหิมะปกคลุมถนนหนาหลายเมตรนานกว่าหกเดือน สามารถเดินทางได้เฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น ประชากรที่อาศัยอยู่ในแถบนี้จะอพยพลงใต้ในช่วงฤดูหนาว แล้วกลับมาใหม่ในฤดูร้อน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง เต็มไปด้วยฟยอร์ดที่งดงามตระการตา
บ่าย เที่ยวชมน้ำตกอินจันดิ หนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่โตและงดงาม สายน้ำจะมากเป็นพิเศษในฤดูร้อนเนื่องจากมีการละลายของหิมะจำนวนมากนั่นเอง สามารถเดินขึ้นไปชมชั้นต่างๆ ของน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด นับเป็นน้ำตกใหญ่ที่สุดของเวสต์ฟยอร์ด
พักที่ Hotel Flokalundur หรือเทียบเท่า





วันที่ 5 วิทเซอเค่อร์ หินไดโนเสาร์ อะคูเรลริ โบสถ์ Akureyrarkirkja
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางลัดเลาะไปตามฟยอร์ดตะวันออกที่มีภูมิประเทศแปลกตา ไม่เหมือนที่ใดๆ ในไอซ์แลนด์ มีจุดแวะพักให้ถ่ายภาพกันตลอดทาง
หลังจากออกจากฟยอร์ด ก็จะเดินทางแหลมวิทเซอเค่อร์ ดินแดนอันห่างไกลผู้คนทางตอนเหนือ มีภูมิทัศน์ที่งดงามแปลกตา โดยจะกลับเข้าสู่ถนนหลวงหมายเลข 1 จากนั้นต่อไปยังจุดหมายในวันนี้ซึ่งเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของทริปนี้นั่นคือ วิทเซอเค่อร์ หินบะซอลต์ที่ตั้งซ้อนกันหลายชั้น โผล่ขึ้นมาจากทะเลสูง 15 เมตร ดูล้ายกับมังกรที่กำลังดื่มน้ำทะเล ซึ่งตำนานของประเทศไอซ์แลนด์เล่าว่า มีสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งหนีจากแสงพระอาทิตย์ในยามเช้าไม่ทัน จึงต้องคำสาปให้กลายเป็นหินหินรูปไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ หากน้ำทะเลลดลงเต็มที่จะเดินไปถึงก้อนหินรูปร่างประหลาดแห่งนี้ได้ แต่ยามที่น้ำทะเลขึ้น จะสวยงามด้วยเงาสะท้อนน้ำ
จากนั้นการเดินทางจะมุ่งหน้าต่อไปยังเมืองอะคูเรลริ เมืองเล็กๆ แสนน่ารักทางภาคเหนือของไอซ์แลนด์ เป็นเมืองที่เงียบสงบ บ้านเรือนสวยงาม มีร้านค้าน่ารักๆ มากมาย ต่างกับเมืองหลวงเรคยาวิกค่อนข้างมาก และจัดเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญอันดับสองรองจากเรคยาวิก เที่ยวชมสัญลักษณ์ของเมืองนั่นคือโบสถ์ Akureyrarkirkja ตั้งอยู่บนเนินสูง ออกแบบโดยสถาปนิก Samuelsson ซึ่งเป็นคนออกแบบโบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยาในเรคยาวิก สร้างตั้งแต่ปี 1940 ภายในมีออแกน 3,200 แท่ง และภาพวาดทางศาสนาคริสต์ที่สวยงามมากมาย
ค่ำ อิสระเดินเที่ยวไปตามถนนคนเดิน Hafnarstraeti ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและนักท่องเที่ยว บ้านเรือนโดดเด่นด้วยสีสันฉูดฉาด เป็นฉากสำหรับถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี หรือจะเดินเล่นชมวิวทะเลก็ไม่เลว เนื่องจากเมืองเล็กๆ แห่งนี้อยู่ติดริมฝั่งทะเล ( พระอาทิตย์ตกเที่ยงคืน )
พักที่ Hotel Akureyri หรือเทียบเท่า



วันที่ 6 Husavik - ล่องเรือชมวาฬ - น้ำตกอาลเอยาร์ฟอสส์ - น้ำตกโกดาฟอสส์
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นเวลา 07.30 เดินทางไปเมืองเล็กๆ ชื่อ Husavik ซึ่งทางตอนเหนือของอะคูเรลริ เป็นสถานที่ดูวาฬดีที่สุดและเป็นจุดเริ่มต้นทัวร์ดูวาฬเป็นแห่งแรกในไอซ์แลนด์ Whale Watching Hauganes หลังจากที่ใส่ชุดกันลมและกันอากาศที่หนาวเย็น เรือจะออกเดินทางออกสู่ปากอ่าวซึ่งมีฝูงวาฬวนเวียนหากินอยู่บริเวณนั้น อาทิ วาฬหลังค่อม และวาฬเพลรฆาต ใช้เวลาล่องเรือและถ่ายภาพวาฬประมาณ 3-4 ชั่วโมง เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทริปนี้
เที่ยง อิสระอาหารกลางวันในตัวเมืองอะคูเรลริ
บ่าย เดินทางไปชมสองน้ำตกที่โด่งดังทางตอนเหนือนั่งคือ อาลเอยาร์ฟอสส์ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกสวยงามที่สุดของไอซ์แลนด์ สูงราว 20 เมตร น้ำตกลงไปในทะเลสาบสีน้ำเงินที่สวยงาม หน้าผาซ้ายขวาเป็นเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมที่สวยงามอย่างน่าอัศจจย์ พบได้เพียงไม่กี่แห่งบนโลกใบนี้ โดยเสาทั้งหมดมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบและสมมาตรจนดูเหมือนแกะสลักด้วยมือ ซึ่งเกิดจากลาวาไหลลงมาตามหน้าผาระหว่างการปะทุเมื่อหลายศตวรรษก่อน ลาวาชั้นนอกซึ่งสัมผัสกับอากาศได้เย็นตัวลงจนกลายเป็นหินแข็งเร็วกว่าชั้นที่อยู่ด้านล่าง ทำให้ลาวาหดตัวเท่า ๆ กันบนพื้นผิวของมันเป็นเสาทรงกระบอก ซึ่งแตกออกเป็นโครงสร้างหกเหลี่ยมเนื่องจากระดับความดันที่แตกต่างกันในหิน
จากนั้นเดินทางไปชมน้ำตก โกดาฟอสส์ น้ำตกขนาดปานกลาง กว้างราว 30 เมตร มีปริมาณน้ำมาก มีจุดชมวิวให้ชมและภาพทั้งสองฟากฝั่ง และยังมีทางเดินให้ลงไปชมแบบใกล้ชิดติดนำ้ตกเลยทีเดียว
พักที่ Hotel Akureyri หรือเทียบเท่า



วันที่ 7 ทะเลสาบมีวัทน์ - ปล่องภูเขาไฟเทียม - น้ำตกเดทตี้ฟอส์ส
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางออกจากเมืองอะคูเรลริ ไปชมทะเลสาบมีวัทน์ ซึ่งเกิดจากการประทุของลาวาภูเขาไฟขนาดยักษ์ราว 2,300 ปีก่อน เมื่อลาวาเย็นและแข็งตัวทำให้เกิดภูมิทัศน์ที่แปลกประหลาดราวกับอยู่นอกโลกมนุษย์ รอบๆ ทะเลสาบเต็มไปด้วยปากปล่องภูเขาไฟเทียม สำหรับทะเลสาบมายด์วัทน์ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของไอซ์แลนด์ มีพื้นที่ประมาณ 37 ตารางกิโลเมตร ทะเลสาบแห่งนี้ยังเป็นถิ่นอาศัยของนกน้ำจำนวนมากและมีความสำคัญในฐานะแหล่งอนุรักษ์นกน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก โดยมีการจัดตั้งพื้นที่ให้เป็นเขตอนุรักษ์นก
บ่ายเดินทางไปชม ปล่องภูเขาไฟเทียม Rootless Cones สามารถเดินขึ้นไปชมบนปากปล่องได้ จากนั้นไปชมปล่องภูเขาจริงๆ เป็นภูเขาไฟที่ดับไปนานแล้วชื่อ Hverfjall หากใครมีพลังพอสามารถเดินขึ้นไปชมบนปากปล่องได้ จากด้านบนจะมองเห็นวิวพาโนรามาของทะเลสาบมิวัทน์ได้อย่างสวยงาม
จุดหมายต่อไปคือ น้ำตกเดทตี้ฟอส์ส น้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงาม แวดล้อมด้วยแคนยอน ซึ่งมีลักษณะเป็นผาหินสูงชัน ตัวน้ำตกสูงราว 44 เมตร ปริมาณน้ำในหนึ่งวินาทีมีมากถึง 193 คิวบิกเมตร นับเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และมีปริมาณน้ำไหลรุนแรงมากที่สุดในทวีปยุโรป และเป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่เห็นรุ้งกินน้ำได้ เนื่องจากมีละอองน้ำจำนวนมหาศาลลอยขึ้นมาจากสายน้ำที่ตกลงไปในหุบเขา นอกจากนี้ระหว่างทางจะได้เห็นทุ่งดอกลูปินที่สวยงามอีกด้วย
พักที่ Hotel Akureyri หรือเทียบเท่า





วันที่ 8 Hverfjall - นกพัฟฟิน
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางออกจากเมืองอะคูเรลริ ไปยังชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกสุดของไอซ์แลนด์ มีสภาพเป็นหน้าผาสูงชัน แวะชมบ้านหลังคาหญ้า ที่มีหญ้าเขียวขจีปกคลุมอย่างสวยงาม ตัวบ้านทาสีแดงสดดูเด่นสะดุดตา นับเป็นบ้านหลังคาหญ้าที่เก่าแก่และงดงามมากหลังหนึ่งในไอซ์แลนด์ และในฤดูร้อนของทุกปี ตามหน้าผาชายฝั่งทะเลแถบนี้จะเต็มไปด้วยนกพัฟฟินนับล้านๆ ตัว บินกลับฝั่งมาสร้างรังวางไข่และเลี้ยงลูก สามารถชมและถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิด เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว
พักที่ Blabjorg Resort หรือเทียบเท่า



วันที่ 9 บะซอลล์แคนยอน น้ำตกแฮงกี้ฟอสส์
หลังอาหารเช้า ออกเดินทางไปบะซอลล์แคนยอน อีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปนี้ ชมแท่งหินบะซอลล์จำนวนนับพันเรียงรายเป็นหน้าผาแคบๆ สูงชัน มีธารน้ำสีเขียวไหลผ่าน เป็นอีกหนึ่งอันซีนไอซ์แลนด์ที่คุ้มค่ากับการไปเยือน
บ่าย เดินทางไปชมน้ำตกแฮงกี้ฟอสส์ น้ำตกสูงที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ มีความสูงถึง 118 เมตร จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือ มีหน้าผาสูงชันมองเห็นแถบสีแดงแบ่งแยกชั้นของผาหินเป็นชั้นๆ เกิดจากการฟอร์มตัวของหินลาวาและเถ้าถ่านที่ไหลมาจากภูเขาไฟ กาลเวลาผ่านไปทั้งหมดได้กลายสภาพเป็นดิน กระทั่งเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหม่ ลาวาได้ไหลมาทับถมของเดิม ส่วนที่ทับถมกันเกิดปฏิกริยาออกซิเดชั่นจนเกิดเป็นสนิมสีแดง ต่อมาหน้าผาบริเวณนี้ได้พังทลายลง ทำให้มองเห็นชั้นของหินลาที่ถูกแบ่งออกด้วยสนิมสีแดงอย่างชัดเจน
พักที่ Berjaya Iceland Hotel หรือเทียบเท่า



วันที่ 10 ภูเขาเวสเทอร์ฮอร์น ล่องเรือกลาเซียร์ลากูน ไดมอนด์บีซ
หลังอาหารเช้า เดินทางไปตามถนนหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าลงใต้ ถนนจะผ่านอุโมงค์ที่ลอดใต้ภูเขาไปทะลุสู่ภาคใต้ของไอซ์แลนด์ ภูมิทัศน์จะเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากถนนที่ส่วนใหญ่อยู่บนภูเขา จะกลายเป็นถนนบนทางราบเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ยาวหลายร้อยกิโลเมตร
เราจะเริ่มต้นกันที่ ภูเขาเวสเทอร์ฮอร์น เป็นจุดหมายแรกของภาคใต้ฝั่งตะวันออก เป็นหนึ่งในภูเขาที่ช่างภาพมืออาชีพต่างยกย่องให้เป็น ภูเขาสวยที่สุดในโลก ทั้งภูเขาเป็นหินลาวาอายุหลายสิบล้านปี ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวริมฝั่งทะเล มีหาดทรายดำสนิทอยู่เบื้องหน้า
บ่าย เดินทางไปชม กลาเซียร์ ลากูน หรือก้อนน้ำแข็งน้อยใหญ่ที่ล่องลอยอยู่ในทะเลสาบ มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก เดินชมความงามของก้อนน้ำแข็งที่มีรูปทรงแปลกประหลาดไม่ซ้ำกัน สามารถเข้าไปชมและสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด
นำท่านนั่งเรือล่องไปตามลากูน ชื่นชมกับทิวทัศน์ของกลาเซียร์น้ำแข็ง และฟังบรรยายความเป็นมาของกลาเซียร์จากไกด์ท้องถิ่น ใช้เวลาเที่ยวชมประมาณ 30-40 นาที ถ่ายภาพก้อนน้ำแข็งยักษ์ในทะเลสาบกันอย่างจุใจ
จากนั้นไปถ่ายภาพก้อนน้ำแข็งยักษ์ที่แตกออกมาจากกลาเซียร์ ซึ่งจะลอยอยู่ในลากูน แล้วไหลออกสู่ทะเล ตามหาดทรายสีดำสนิทจะมีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มากมายเรียงรายกันอยู่ เมื่อถูกคลื่นซัดจะมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่ก็ใช้เวลานาน เนื่องจากน้ำในทะเลก็เย็นจัดพอๆ กับอุณหภูมิของก้อนน้ำแข็ง
พักที่ Hali Country Hotel หรือเทียบเท่า







วันที่ 11 สโนว์โมบิล อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เปลี่ยนไปนั่งรถออฟโรดล้อโต 4x4 ขึ้นไปบนภูเขาสูงซึ่งยังคงมีน้ำแข็งและหิมะปกคลุม สนุกสนานไปกับกิจกรรมสโนว์โมบิล นั่งคันละ 2 ท่าน หากต้องการสามารถทดลองสลับกันขี่ได้ แต่ถ้าไม่สะดวกก็เลือกนั่งซ้อนอย่างเดียวก็ได้เช่นกัน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีเฉพาะฤดูร้อน เนื่องจากฤดูหนาวหิมะจะปิดเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาในแถบนี้ทั้่งหมด
บ่าย เที่ยวชมทิวทัศน์ของกลาเซียร์ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ซึ่งมีธารน้ำแข็งน้อยใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก หลายแห่งเปิดให้เข้าไปชมและถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิด
พักที่ Hali Country Hotel หรือเทียบเท่า




วันที่ 12 กลาเซียร์วอร์ค เดินบนธารน้ำแข็ง สวีนาเฟลโจกุล
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เปลี่ยนไปนั่งรถออฟโรดล้อโตแบบ 4x4 อีกครั้ง เพื่อทำกิจกรรมที่เรียกว่า กลาเซียร์วอร์ค หรือเดินบนธารน้ำแข็ง โดยไกด์จะแนะนำการสวมใส่อุปกรณ์ที่เป็นพื้นรองเท้าหนามแหลมคม ช่วยในการยึดเกาะพื้นน้ำแข็ง เดินได้สะดวกไม่ลื่น นอกจากได้ชมกลาเซียร์แล้ว ยังได้เดินเที่ยวบนกลาเซียร์ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าประทับใจมากทีเดียว
บ่าย ออกเดินทางต่อที่ทำการอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล นำท่านเดินเทรลไปชมธารน้ำแข็งสวีนาเฟลโจกุล ที่ได้ชื่อว่าเป็นธารน้ำแข็งที่สวยงามที่สุดของไอซ์แลนด์ สามารถชมและถ่ายภาพธารน้ำแข็งสีฟ้าได้อย่างใกล้ชิดและงดงาม
พักที่โรงแรม skaftafell hotel หรือเทียบเท่า



วันที่ 13 วัทนาโจกุล วิก แหลม Dyrholaey เรย์นิสฟยาร่า
เช้า เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 1 แวะชมโบสถ์หลังคาหญ้าที่มีเพียงหลังเดียวในไอซ์แลนด์ เป็นโบสถ์เก่าแก่อายุนับร้อยปี และยังใช้เป็นสถานประกอบพิธีทางศาสนามาจนถึงปัจจุบัน
จากนั้นไปชมทุ่งดอกลูปินใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ กินพื้นที่กว้างใหญ่นับหมื่นไร่ เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว ในหนึ่งปีจะบานเต็มที่ในระยะเวลาสั้นๆ ช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงต้นกรกฎาคมเท่านั้น
การเดินทางจะไปถึงเมืองวิก เมืองท่องเที่ยวสำคัญทางภาคใต้ เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านประมงเล็กๆ แต่ปัจจุบันมีโรงแรม ที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามใกล้เคียงอีกหลายแห่งอาทิ เรย์นิสฟยาร่า ชายหาดสีดำใกล้เมืองวิค ที่นี่เต็มไปด้วยก้อนกรวดขนาดเล็กสีดำ ที่โดดเด่นคือ มีหินบะซอลต์เป็นแท่งทรง สี่เหลี่ยมจำนวนมากเรียกว่า "การ์ด้าร์ " มองดูแทบไม่น่าเชื่อว่าเกิดจากฝีมือของธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนสถานที่แห่ง นี้ และมองออกไปในทะเลจะเห็นคลื่นลูกยักษ์ของมหาสมุทรแอตแลนติดเหนือโอบล้อมแท่งหินบะซอลต์ขนาดใหญ่ที่อยู่กลางทะเลมีทั้งหมด 4 ยอด เรียกว่า เรย์นิสดรันก้าร์ ในช่วงเวลาที่เดินทางไป ตรงกับเวลาที่นกทะเลจำนวนมาก เช่น นกพัฟฟิน (Puffin) , นกทะเลปากยาว (guillemots) และนกฟูลม่าร์ (northern fulmars) หรือนกจมูกหลอด ทำรังวางไข่และเลื้ยงลูก ทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝูงนกจำนวนมากโบยบินไป บรรยากาศดูคึกคักมากทีเดียว
จุดหมายต่อไปเที่ยวกันต่อที่จุดชมวิวเมืองวิก มองเห็นโบสถ์เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า โดยมีฉากหลังคือเมืองวิค และหาดทรายดำเมืองวิก พร้อมทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้ป่าสีเหลืองและดอกลูปินสีม่วงบานสะพรั่งเป็นฉากหน้าอย่างสวยงาม
บ่าย เที่ยวชมหาดทรายดำแห่งเมืองวิก หาดทรายดำที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในโลก ทรายดำสนิทระยะทางยาวหลายกิโลเมตร จากนั้นเดินทางไปเที่ยวชมแหลม Dyrholaey ที่นี่เป็นจุดชมทิวทัศน์ของหน้าผาสูงชันกว่า 120 เมตร มองเห็นหาดทรายดำยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับชมฝูงนกพัฟฟินและนกทะเลจำนวนมากสร้างรังวางไข่ตามริมหน้าผา และยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามจากมุมสูงของหาดทรายดำตัดกับทะเลสีครามของมหาสมุทรใต้อันกว้างใหญ่
เย็นอิสระช้อปปิ้ง เลือกซื้อสินค้านานาชนิดที่ร้าน Icewear เสื้อผ้าแบรนด์ท้องถิ่นชื่อดังของไอซ์แลนด์ และยังมีสินค้าที่ระลึกต่างๆ อีกมากมาย
พักที่ Hótel Kría vik (หรือเทียบเท่า







วันที่ 14 ซากเครื่องบิน DC-3 น้ำตกซัลยาลันฟอสส์ น้ำตกสโคกาฟอส์ส ปล่องภูเขาไฟเเคิร์ธ
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางไปชมซากเครื่องบิน DC-3 ที่หาดทรายดำ ประวัติความเป็นมาย้อยหลังไปเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ปี 1973 เครื่องบิน Douglas R4D-8 Super DC-3 ชนิดสองเครื่องยนต์ ได้บินผ่านเมืองเฮิฟ์น แต่เครื่องขัดข้องต้องร่อนลงฉุกเฉินที่หาดทรายดำโซลเฮมาซานตุร์ ผู้โดยสารทุกคนไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กองทัพได้ทิ้งเครื่องบินลำนี้ไว้ และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์
จากนั้นเดินทางไปชมน้ำตกซัลยาลันฟอสส์ หนึ่งในน้ำตกสวยที่สุดของไอซ์แลนด์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ มีทิวทัศน์แวดล้อมที่สวยงาม ที่พิเศษคือ มีทางเดินเล็กที่สามารถเดินไปหลังม่านน้ำตกได้ เมื่อ มองย้อนออกมาจะเห็นผาหินโค้งเป็นรูปวงกลม เป็นมุมมองที่เรียกได้ว่า สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของไอซ์แลนด์เลยทีเดียว
น้ำตกสโคกาฟอส์ส ส่วนหนึ่งของเทือกเขา Eyjafjöll ตัวน้ำตกมีขนาดใหญ่ สูงถึง 61 เมตร เป็นน้ำตกที่ชั้นสูงที่สุดในไอซ์เเลนด์ ปริมาณน้ำจำนวน มหาศาลที่ถาโถมลงมาทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต้องตะลึงถึงความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกแห่งนี้ ภาพจำนวนนับล้านๆ ภาพ และวิดีโอ ภาพยนตร์ จำนวนมากถูกถ่ายทอดสู่สายตาชาวโลก ทำให้แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมอย่างไม่ขาดสาย สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายมุม มองตั้งแต่ระยะไกล ไปจนถึงตีนน้ำตก และสามารถเดินไปตามเส้นทางเดินที่จัดทำไว้อย่างดีจนถึงด้านบนสุดเพื่อบันทึกภาพมุมสูง
เย็น ชมปากปล่องภูเขาไฟเเคิร์ธ ปากปล่องมีความลึก 55 เมตร กว้าง 270 เมตร มีอายุกว่า 3000 ปี สามารถ เดินขึ้นไปบนปากปล่องด้านบนได้ในระยะทางสั้นๆ เพียง 5 นาทีจากลานจอดรถ ถ่ายภาพทิวทัศน์อันน่ามหัศจรรย์ สามารถเดินเล่นรอบปากปล่องภูเขาไฟเป็นวงกลมได้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และมีสะพานเดินลงไปชมทะเลสาบในปล่องทางด้านล่างได้อย่างใกล้ชิด น้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าสดใสสวยงามมาก
พักที่โรงแรม Borealis hotel หรือเทียบเท่า




วันที่ 15 บลูลากูน ทะเลสาบเคลย์ฟาร์วาท์น Fagradalsfjall Volcano
หลังอาหารเช้า เดินทางไป บลูลากูน สปาน้ำร้อนจากธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังและได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์
จากนั้นไปเที่ยวชมทะเลสาบเคลย์ฟาร์วาท์น ทะเลสาบใหญ่ที่สุดของแหลมเรคจาเนส มีจุดชมวิวที่สวยงามหลายแห่ง สามารถชมวิวจากมุมสูงหรือเดินเล่นริมทะเลสาบที่เป็นหาดทรายดำก็ได้ ใกล้ๆ กันยังมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่พ่วยพุ่งตลอดเวลาอีกด้วย
บ่าย อิสระอาหารกลางวัน และช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้านานาชนิดใจกลางเมืองหลวงเรคยาวิก
พักที่โรงแรม Hotel Vellir หรือเทียบเท่า




วันที่ 16 เรกยาวิก-โคเปนเฮเก้น
05.00 เดินทางไปสนามบิน
07.45 ออกเดินทางโดยสายการบินไอซ์แลนด์แอร์ เที่ยวบิน FI 204 ( เวลาอาจเปลี่ยนแปลงได้ )
12.55 ถึงสนามบินโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก
14.25 ออกเดินทางต่อโดยการบินไทย เที่ยวบิน TG 951 ( เวลาอาจเปลี่ยนแปลงได้ )
วันที่ 17 กรุงเทพฯ
06.00 เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ