ไทยแลนด์โฟโต้ทัวร์ ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08113
บัตรอนุญาตผู้นำเที่ยว ( Tour Leader ) นำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก เลขที่ 12.0150 จากกรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
แชทพูดคุยกับทีมงานของเราผ่านทาง line ได้ที่ @thailandphototours
PETRA - JORDAN
New 7 Wonders of the World
เจาะลึกนครเปตรา 10 วัน 7 คืน
ตามรอยอินเดียน่าโจนส์ ประเทศจอร์แดน
( เที่ยวแบบเจาะลึกที่เปตรา 3 วัน 3 คืน )
28 ธค 2566 - 6 มค 2567 ( ว่าง 2 ที่ )

ขอเชิญร่วมเดินทางทริปประเทศจอร์แดน ประเทศเก่าแก่ที่มีอารยธรรมอันน่าตื่นตาตื่นใจยาวนานกว่าหกพันปีก่อนคริสตกาล ทัวร์เดียวที่จะนำท่านเที่ยวแบบเจาะลึกนครโบราณเปตราสามวันเต็ม ชมหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก เที่ยวชมและถ่ายภาพนครเปตราอย่างเต็มอิ่มแบบทุกซอกทุกมุมของนครโบราณพันปี ชมฉากในภาพยนตร์ชื่อดังก้องโลก อินเดียน่าโจนส์ ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ถ่ายภาพตั้งแต่แสงเช้าจรดแสงเย็น และกลางคืนกับทัวร์ Petra by Night ภายใต้แสงเทียนกว่า 1,500 เล่ม นับเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน พิเศษ! พักแค้มป์กลางทะเลทราย Wadi Rum อันงดงาม เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ฮอลลีวูดอันยิ่งใหญ่เรื่อง “LAWRENCE OF ARABIA” ชม วิหารเฮอร์คิวลิส ตื่นตาตื่นเใจกับเส้นทาง KINGS HIGH WAY อันงดงาม และเที่ยวชมนครเจอราช เมืองโบราณพันปี ตื่นตาตื่นใจกับทะเลเดดซี ทะเลเค็มที่สุดในโลก สามารถลงไปนอนลอยตัวได้โดยไม่มีวันจม จอร์แดนนับเป็นประเทศที่น่าเที่ยวมากที่สุดในตะวันออกกลาง มีบรรยากาศการเมืองที่สงบ มีแต่สันติภาพ แตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ บินตรงสู่เมืองอัมมานโดยสายการบินรอยังจอร์แดนเนียล นำทริปและถ่ายภาพโดย อาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร และไกด์ท้องถิ่นนำเที่ยวตลอดทริป ( สมาชิกไม่จำเป็นต้องมีกล้องถ่ายภาพ )

ค่าใช้จ่าย
95,000 บาท (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
129,000 บาท (รวมตั๋วเครื่องบิน)
มัดจำเมื่อจองทัวร์ 30,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระภายในวันที่ 25 กันยายน 2566
แบบฟอร์มจองทัวร์
การขอยกเลิกทริป :
1. ยกเลิกก่อนวันที่ 25 กันยายน 2566 คืนเงินมัดจำเต็มจำนวน
2. ยกเลิกก่อนวันที่ 25 ตุลาคม 2566 หักเฉพาะมัดจำทัวร์
2. ยกเลิกหลังวันที่ 25 ตุลาคม 2566 หักค่าทัวร์ 50%
3. ยกเลิกหลังวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 ไม่คืนงินทุกกรณี
ค่าใช้จ่ายรวม
-
ค่าวีซ่า (ขอวีซ่ากรุ๊ปจอร์แดน ใช้หน้าสำเนา Passport อย่างเดียว)
-
ที่พักโรงแรมและแค้มป์ในทะเลทรายเวดิรัม 7 คืนตามโปรแกรม
-
อาหารทุกมื้อตามโปรแกรม
-
ค่ารถบัสนำเที่ยวตามโปรแกรม
-
ค่าบัตรเข้าชมนครเปตรา
-
ค่าเล่นน้ำทะเลเดดซี ( ชุดว่ายน้ำต้องเตรียมไปเองหรือเช่าจากโรงแรม )
-
ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามโปรแกรม
-
ค่ารถ 4x4 ท่องทะเลทรายเวดิรัม
-
ค่าขี่อูฐท่องทะเลทรายเวดิรัม
-
ค่าประกันอุบัติเหตุวงเงิน 2,000,000 บาท
ตั๋วเครื่องบิน
กรณีต้องการออกตั๋วเครื่องบินเอง ค่าทัวร์ท่านละ 95,000 บาท
ค่าทัวร์ รวมตั๋วเครื่องบิน 129,000 บาท
ค่าใช้จ่ายไม่รวม
ค่านั่งรถม้า ขี่ม้า และขี่ลาในเปตรา
ค่าทิปทีมงาน, ไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ
พาหนะเดินทาง
รถบัสปรับอากาศ 40 ที่นั่ง
จำนวนสมาชิก
24 ท่าน
สิ่งของที่ควรนำไป
1. เสื้อผ้ากันหนาว หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ
2. ไฟฉาย สำหรับการเข้าชมนครเปตราตอนกลางคืน
3. ยาประจำตัว ( ถ้ามี )
การขอวีซ่า : วีซ่าแบบกลุ่ม (รวมในค่าทัวร์)
สภาพอากาศ ธันวาคม เป็นฤดูหนาวของจอร์แดน กลางวันอุณหภูมิสูงสุด 20 องศา กลางคืน อุณหภูมิต่ำสุด 10 องศา ควรเตรียมเสื้อกันหนาวและอุปกรณ์กันหนาว เนื่องจากทริปนี้มีการเที่ยวชมนครเปตราในเวลากลางคืน 1 วัน สำหรับทะเลทรายเวดิรัม อากาศจะหนาวกว่าที่นครเปตรา



กำหนดการเดินทาง
( รายละเอียดการเดินทางทั้งหมดอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม )
28 ธันวาคม 2566 กรุงเทพฯ - อัมมาน
22.00 พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ
29 ธันวาคม 2566 อัมมาน นครเจอราช ทะเลเดดซี ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )
00.20 ออกเดินทางโดยสายการบินรอยัลจอร์แดนเนียล ( 9 ชั่วโมง 30 นาที )
05.50 เดินทางถึงสนามบินอัมมมาน ควีน อาเลีย ประเทศจอร์แดน นำท่านรับประทานอาหารเช้า จากนั้นเดินทางไปชมนครเจอราช (JERASH) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
นครเจอราชเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางสถาปัตยกรรมโบราณ ที่มีชื่อเสียงของประเทศจอร์แดน มีอีกชื่อหนึ่งว่า “เมืองพันเสา” ซึ่งในอดีตเคยเป็น 1 ใน 10 หัวเมืองเอกทางด้านตะวันออกอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล เดิมทีในอดีตเมืองแห่งนี้ได้ชื่อว่า ในปี ค.ศ. 749 นครเจอราชแห่งนี้เจอแผ่นดินไหวหลายครั้ง กระทั่งครั้งใหญ่สุดได้ถล่มและทำลายเมืองไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งทำให้นครเจอราชกลายเป็นเมืองที่ถูกลืมไปเป็นพันปีและถูกทิ้งร้างจนมีคนมาขุดพบในปี ค.ศ.1878 โดยทางรัฐบาลของจอร์แดนได้กลับมาฟื้นฟูและทำการบูรณะสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง และนั่นจึงทำให้ความวิจิตรงดงามของเมืองโรมันโบราณกลับมาเผยโฉมต่อชาวโลกอีกครั้ง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
บ่ายเดินทางไปทะเลเดดซี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างเดินทาง ถนนจะค่อย ลาดชันลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากทะเลเดดซีอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 417.5 เมตร เป็นพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก
ทะเลสาบเดดซี มีความยาวกว่า 80 กิโลเมตร ส่วนกว้างที่สุดมากถึง 18 กิโลเมตร พื้นที่ประมาณ 1,020 ตารางกิโลเมตร มองเห็นประเทศอิสราเอลอยู่ฝั่งตรงข้าม ทะเลเดดซี หลังจากเช็กอินเข้าที่พักหากมีเวลาพอ พลาดไม่ได้กับการพอกโคลนสีดำสนิท และลงเล่นน้ำทะเลเพื่อทดสอบการลอยตัวอยู่ในน้ำทะเลที่ไม่มีวันจม ( หากคลื่นลมแรงจะไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำทะเล สามารถทดสอบลอยตัวในน้ำทะเลเดดซีได้ในเช้าวันถัดไป)
ทะเลเดดซีอยู่ระหว่างเทือกเขายูเดียที่ด้านเหนือ และที่ราบสูงทรานสจอร์แดนที่ด้านตะวันออก แม่น้ำจอร์แดนจะไหลจากทางเหนือมายังทะเลเดดซี แหลมอัลลิซาน (แปลว่า ลิ้น) แบ่งทะเลสาบด้านตะวันออกเป็นสองส่วน ตอนเหนือใหญ่กว่า ล้อมรอบพื้นที่ 3 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนความลึกนั้นประมาณ 400 เมตร แอ่งตอนเหนือนั้นเล็ก และตื้น (ลึกประมาณ 3 เมตร) ในสมัยที่เขียนคัมภีร์ไบเบิล จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 พื้นที่บริเวณตอนเหนือเท่านั้นที่มีผู้อยู่อาศัย คนชาวอาหรับจะเรียกทะเลสาบเดดซีกันว่า "อัลบาห์รัลไมยิต” หมายความว่า ทะเลมรณะ เช่นเดียวกับภาษาอังกฤษ ขณะที่ภาษาฮีบรูเรียกทะเลสาบนี้ว่า "ยัมฮาเมละฮ์" ซึ่งหมายความว่า "ทะเลเกลือ" เป็นทะเลที่เค็มที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เค็มกว่าทะเลอื่นถึง 4 เท่า สำหรับทะเลสาบเดดซี เป็นจุดหมายปลายทางของผู้ชื่นชอบในการเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ เป็นทะเลที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย ยกเว้นแต่แบคทีเรียและเห็ดราบางชนิด
รับประทานอาหารค่ำและพักที่โรงแรม Holiday Inn Resort Dead Sea หรือเทียบเท่า




30 ธันวาคม 2566 ทะเลเดดซี ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม อิสระพักผ่อนเล่นน้ำทะเลตามอัธยาศรัย จากนั้นไปชม Dead Sea Museum จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับทะเลเดดซี
จุดหมายต่อไปเที่ยวชมหายทรายเกลือ ตื่นตาตื่นใจกับชายหาดที่เป็นผลึกเกลือสีขาวจำนวนมาก บางส่วนเป็นเกลือที่จับอยู่บนก้อนหิน เป็นภาพที่แปลกตาและมีที่เดียวในโลก
เย็น เดินทางกลับโรงแรม อิสระพักผ่อนเล่นน้ำทะเลและถ่ายภาพตามอัธยาศรัย
รับประทานอาหารค่ำและพักที่โรงแรม Holiday Inn Resort Dead Sea ฟรี WiFi
31 ธันวาคม 2566 ทะเลเดดซี ภูเขาเนโบ นครเปตรา ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางขึ้นสู่เขาเนโบ เพื่อชม Memorial Church of Moses สภาพพื้นที่เป็นชะง่อนผาสูงประมาณ 710 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Abarim และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า "เป็นสถานที่ที่โมเสสได้มาเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า และได้เห็นดินแดนแห่งพันธสัญญาที่พระเจ้าประทานให้" มุมมองจากยอดเขาให้ภาพพาโนรามาของฝั่งตะวันตกทั่วหุบเขาแม่น้ำจอร์แดน หากอากาศดีจะมองเห็นกรุงเยรูซาเล็มซึ่งตามพระคัมภีร์ไบเบิลรู้จักกันในชื่อ Khirbet al-Mukhayyat อยู่ห่างออกไป 3.5 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าโมเสสจบชีวิตและถูกฝังลง ณ ที่แห่งนี้ ปัจจุบันยอดเขาเนโบเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจอร์แดน อันถือเป็นปลายทางของเส้นทางแสวงบุญสำหรับผู้ศรัทธา โดยมีไฮไลท์คือการถ่ายรูปกับไม้กางเขนบนยอดเขาแห่งนี้
เย็น เดินทางต่อไปยังเมืองเปตรา ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
พักที่ Petra Old Village





1 มกราคม 2567 นครเปตรา ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านชมพิพิธภัณฑ์ประวัติความเป็นมาของนครเปตรา จากนั้นเราจะเจาะลึกนครเปตรากันแบบเต็มวัน เริ่มต้นด้วยการเดินบนทางดินยาวประมาณ 700 เมตร จะถึงปากทางเข้ามีชื่อเรียกว่า The Sig เป็นทางเดินที่มีลักษณะของช่องเขาแคบๆ สู่ใจกลางนครเปตรา ความยาวประมาณ 1.2 กิโลเมตร สองข้างทางมีรางน้ำโบราณอายุเก่าแก่นับพันปี บางช่วงแคบมากเพียงให้รถม้าผ่านได้เท่านั้น แต่บางช่วงก็กว้างราว 10 เมตร เส้นทางจะคดเคี้ยวไปมาอันเนื่องมาจากรอยแยกของภูเขาเมื่อหลายแสนปีก่อน ทางเดินถูกปรับให้ราบเรียบเดินได้อย่างสบายๆ บางช่วงที่มีแสงอาทิตย์ส่องลงมากระทบกับหน้าผา สะท้อนไปยังผนังปรากฏเป็นสีสันที่สวยงาม
เมื่อเดินพ้นทางเดินในช่องเขาจะพบกับ The Treasury อันน่าอัศจรรย์ที่เรียกกันว่า Lost cities of the world เนื่องจากนครโบราณแห่งนี้เคยหายสาบสูญไปกว่า 700 ปี สถานที่แห่งนี้คือหนึ่งในฉากภาพยนต์ชื่อดังก้องโลก ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า อินเดียน่าโจนส์ หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายออกไปทำให้มีนักท่องเที่ยวหลายล้านคนเดินทางมาเที่ยวชมนครเปตรา จนทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมมากที่สุดในโลกจากการโหวตทางอินเตอร์เน็ต
จากนั้นเดินเที่ยวชมบ้านเรือนชาวนาบาเทียน ชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในนครแห่งนี้โดยการขุดโพรงเข้าไปในภูเขาหินเพื่อทำเป็นบ้านเรือน มองเห็นโพรงหินเต็มไปหมดทั่วทั้งหุบเขา โดยเชื่อกันว่าภายในบ้านจะเจาะหินเข้าไป ส่วนด้านนอกทำด้วยไม้ที่นำมาจากดินแดนอื่น เนื่องจากพิ้นที่แถบนี้มีแต่หิน ไม่มีต้นไม้นั่นเอง
เส้นทางท่องเที่ยวจะเดินผ่านถนนโบราณอายุนับพันปี โรงละครโบราณของชาวโรมันซึ่งอยู่ริมถนน เส้นทางเดินโบราณนี้เป็นเส้นทางที่มีความสำคัญที่สุดของโลกตะวันออก และเป็นเส้นทางสายไหมในยุคโบราณ สำหรับการขนส่งสินค้าจากจีนและอินเดีย สินค้าสำคัญๆ อาทิ ยางไม้หอม กำยาน เครื่องเทศของชาวอาหรับ ทองแดง เหล็ก เครื่องปั้นดินเผา รูปปั้น ผ้าย้อมของชาวฟินิเซียนล้วนถูกลำเลียงผ่านเมืองเปตราไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และชาวเปอร์เซีย ผ่านเส้นทางเดียวกับที่เราใช้เดินในวันนี้ ระหว่างทางจะเห็นเสาโรมันเรียงรายทั้งสองฝั่ง เรียกว่า The Colonnaded Street สร้างขึ้นในยุคที่โรมันเข้ามายึดครองนครเปตราแห่งนี้ และจากประตูเทมีโนส เมื่อมองย้อนกลับมา จะเห็นสุสานหลวงที่มีขนาดใหญ่โตเรียงรายอยู่ในแนวหน้าผาอันสูงชัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ห์ภายในภัตราคารที่มีเพียงแห่งเดียวในนครโบราณแห่งนี้
บ่าย เดินเท้าขึ้นสู่ The Monastery สถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามและยิ่งใหญ่อลังการ สภาพยังคงสมบูรณ์น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว แม้ว่าจะผ่านกาลเวลามานานนับพันปีแล้วก็ตาม และมีจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่า End of the World มองเห็นวิวภูเขานับร้อยๆ ยอดรอบทิศทางแบบ 360 องศา แต่มองไม่เห็นเมืองเปตราที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาเบื้องล่าง เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้นครโบราณแห่งนี้หายสาบสูญไปในช่วงเวลาหนึ่งหลายร้อยปี


2 มกราคม 2567 เจาะลึกนครเปตรา ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินเข้าสู่นครเปตราอีกครั้งในเส้นทางเดิม ผ่าน The Siq จากนั้นจะเดินขึ้นเขาไปชมวิวมุมสูงที่งดงามของ The Treasury ทางเดินเป็นบันไดหิน มีม้านั่งให้พักเหนื่อยเป็นระยะ เส้นทางจะผ่านสุสานหลวง และสุสานต่างๆ ที่เรียงรายกันอยู่ อาทิ Urn Tomb, Silk Tomb, Corinthian Tomb และ Palace Tomb ทั้งหมดมีการขุดเจาะสร้างติดต่อกันจากภูเขาลูกเดียว เมื่อถึงยอดเขา จะเห็นจุดชมวิวสุดอลังการ ภาพของ The Treasury ที่อยู่เบื้องล่างมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นมุมอันซีนที่นักท่องเที่ยวไม่มากนักมีโอกาสขึ้นมาชม และระหว่างทางเดินลง จะมองเห็นนครเปตราอย่างชัดเจนทั้งเมืองในมุมมองพาโนรามา 180 องศา
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ห์ภายในนครเปตรา
บ่ายอิสระเดินเที่ยวชมตามอัธยาศรัย
พิเศษสุด! หลังอาหารค่ำมีโปรแกรมทัวร์กลางคืน Petra by Night ( อากาศหนาว ควรเตรียมเสื้อกันหนาว ) นำท่านเดินเข้าไปสู่ The Sig ที่ปักเทียนเอาไว้นับพันเล่มไปจนถึง The Treasury ลานกว้างด้านหน้ามีเทียนนับร้อยจุดขึ้นจนสว่างไปทั่ว มองเห็นดาวล้านดวงเต็มท้องฟ้า ฟังดนตรีพื้นเมืองที่เล่าขานถึงเรื่องราวในอดีตโดยชาวนาบาเทียนที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านหินแห่งนครเปตรา ก่อนที่จะถูกให้ออกไปอยู่พื้นที่ด้านนอกเมื่อนครแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
พักที่ Petra Old Village



3 มกราคม 2567 เปตรา อวาาบา เวดิรัม ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นเดินทางต่อไปยังทะเลทราย Wadi Rum ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ทะเลทรายเวดิรัม อดีตเป็นเส้นทางคาราวานจากประเทศ ซาอุฯ เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเสลไตน์ (เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนาบาเทียนก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เมืองเปตรา และเป็นสถานที่จริงในการถ่ายทำภาพยนต์ฮอลลีวูดอันยิ่งใหญ่ในอดีตเรื่อง “LAWRENCE OF ARABIA” (ในปี ค.ศ.1963 สามารถกวาดรางวัลออสการ์ได้ถึง 7 รางวัล และรางวัลจากสถาบันอื่นๆ มากกว่า 30 รางวัล นำแสดง โดย Peter O'Toole, Omar Sharif ฯลฯ)
พักที่ Aisha Camp Wadi Rum ( ช่วงค่ำอากาศหนาว อุณหภูมิประมาณ 5 องศาเซลเซียส ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม )



4 มกราคม 2567 เวดิรัม ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )
หลังอาหารเช้า เราจะเที่ยวชมทะเลทราย Wadi Rum ซึ่งได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีส้มอมแดงและกว้างใหญ่ไพศาล สนุกกับการนั่งรถจี๊บท่องทะเลทราย กิจกรรมขี่อูฐท่องทะเลทราย เที่ยวชมภาพเขียนโบราณอายุเก่าแก่นับพันปีบนผนังหิน ชมสะพานหินธรรมชาติกลางทะเลทราย และชมแสงสีพระอาทิตย์ตก ณ จุดชมวิวที่งดงาม
( หากท้องฟ้าเปิด ในช่วงกลางคืนจะได้ถ่ายภาพดาวล้านดวงและทางช้างเผือกอันสวยงาม )
พักที่ Aisha Camp Wadi Rum
. Click here to add your own text and edit me. It's easy.







5 มกราคม 2567 เวดิรัม - อัมมาน ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )
หลังอาหารเช้า ออกเดินทางกลับเมืองอัมมาน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นเที่ยวชมเมืองอัมมาน เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน มีสถานที่น่าสนใจมากมายอาทิ Amman Citadel เป็นป้อมปราการบนภูเขาสูงใจกลางเมืองอัมมาน
ป้อมปราการอัมมานแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่มากมาย พบหลักฐานที่อยู่อาศัยตั้งแต่ยุคหินใหม่และเนินเขาได้รับการเสริมความแข็งแกร่งในช่วงยุคสำริด (1800 ก่อนคริสตศักราช) เนินเขานี้กลายเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอัมโมนในช่วงหลัง 1,200 ปีก่อนคริสตศักราช ต่อมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของจักรวรรดิต่างๆ เช่น จักรวรรดินีโอ-อัสซีเรียน (ศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตศักราช) จักรวรรดินีโอ-บาบิโลน (ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช) จักรวรรดิทอเลมีส์ จักรวรรดิเซลิวซิด (ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราช) โรมัน (ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตศักราช) ไบเซนไทน์ (ส.ศ. ศตวรรษที่ 3) และ Umayyads (ส.ศ. ศตวรรษที่ 7) หลังจากราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ช่วงเวลาแห่งความตกต่ำก็เกิดขึ้นและเป็นเวลานานจนถึงปี พ.ศ. 2421 เมื่อเมืองเดิมกลายเป็นกองซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งร้างซึ่งมีชาวเบดูอินและชาวนาตามฤดูกาลใช้อยู่ประปรายเท่านั้น แม้จะมีช่องว่างนี้ ป้อมปราการแห่งอัมมานก็ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
โครงสร้างส่วนใหญ่ที่ยังคงมองเห็นได้ในบริเวณนี้มาจากสมัยโรมัน ไบแซนไทน์ และอุมัยยะฮ์ สิ่งที่เหลืออยู่ที่สำคัญ ได้แก่ วิหารเฮอร์คิวลีส โบสถ์ไบแซนไทน์ และพระราชวังอุไมยาด พิพิธภัณฑ์โบราณคดีจอร์แดนสร้างขึ้นบนเนินเขาในปี พ.ศ. 2494 แม้ว่ากำแพงป้อมปราการจะล้อมรอบใจกลางของสถานที่ แต่ส่วนใหญ่ของป้อมปราการยังคงไม่ถูกขุดค้น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ จากนั้นเดินทางไปเช็กอินที่สนามบิน


6 มกราคม 2567 อัมมาน - กรุงเทพฯ
02.15 ออกเดินทางโดยสายการบินรอยัลจอร์แดนเนียล เที่ยวบิน RJ182 ( 8 ชั่วโมง 10 นาที )
14.25 เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พร้อมภาพประทับใจที่จะอยู่ในความทรงจำดีๆ ไปอีกนานแสนนาน


