
-
ไทยแลนด์โฟโต้ทัวร์ ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08113
-
บัตรอนุญาตผู้นำเที่ยว ( Tour Leader ) นำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก เลขที่ 12.0150 จากกรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
-
แชทพูดคุยกับทีมงานของเราผ่านทาง line คลิกที่นี่
Lapland Winter Tour
ล่าแสงเหนือแลปแลนด์
ฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ โลโฟเทน
ครั้งหนึ่งในชีวิต ทัวร์แลปแลนด์ ดินแดนสุดมหัศจรรย์แห่งซีกโลกเหนือ ในเขตประเทศฟินแลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ เดินทางในช่วงฤดูหนาว สัมผัสกับทิวทัศน์สุดอลังการในเขตขั้วโลกเหนือบนดินแดนที่มีชื่อเรียกว่า แลปแลนด์ เที่ยวชมโรงแรมน้ำแข็งแห่งแรกของโลก ตื่นตาตื่นใจกับแสงเหนือในห้องพักแบบหลังคากระจก เยี่ยมชมหมู่บ้านซานตาครอส สนุกสนานไปกับกิจกรรมฤดูหนาวมากมาย สโนว์วอร์ค สุนัขฮัสกี้ลากเลื่อน นั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์ และขี่สโนว์โมบิลท่องไปในทุ่งหิมะและป่าสน เยือนหมู่เกาะโลโฟเทน สุดยอดหมู่เกาะที่ได้ชื่อว่างดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้ ชมเรือรบไม้วอซาอายุ 400 ปี และปิดทริปช้อปปิ้งเอ้าท์เล็ตกว่า 200 แบรนด์ดังที่ Stockholm Quality Outlet รับสมาชิกเพียง 8 ท่าน นำทริปและถ่ายภาพให้สมาชิกโดย อาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร ( ไม่จำเป็นต้องมีกล้องถ่ายภาพไปด้วย )




ค่าใช้จ่าย ท่านละ 198,000 บาท
- พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ 46,000 บาท
มัดจำเมื่อจองทัวร์ 60,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระภายใน 15 ตุลาคม 2566
ค่าใช้จ่ายรวม
- ตั๋วเครื่องบิน การบินไทย กรุงเทพฯ - สตอกโฮล์ม ชั้นประหยัด
- ตั๋วเครื่องบินในประเทศ สตอกโฮล์ม - คิรูนา
- รถมินิบัส ( หัวหน้าทัวร์ขับรถนำเที่ยวตามโปรแกรม )
- โรงแรม 8 คืนตามโปรแกรม
- อาหารเช้าที่โรงแรม ( ยกเว้น 1, 2 กพ ที่พักแบบอพาร์ทเม้นท์บนเกาะโลโฟเทน ไม่มีอาหารเช้า)
- โรงแรมน้ำแข็ง Kiruna Ice Hotel
- สุนัขลากเลื่อน
- กวางเรนเดียร์ลากเลื่อน
- สโนว์วอร์คคิรูนา
- สโนว์โมบิล
- ลิฟท์ห้อยขาดูแสงเหนือ Aurora Station
- หมู่บ้านซานตาครอส
- พิพิธภัณฑ์เรือรบวาซา
- ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามโปรแกรม
ค่าใช้จ่ายไม่รวม
- อาหารกลางวันและอาหารค่ำ ( นำท่านไปทานที่ร้านอาหารระหว่างเดินทาง )
- ค่าบริการศูนย์ยื่นวีซ่า vfs ( ประมาณ 1,000 บาท )
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ระบุในรายการทัวร์
วีซ่า
หลังจากจองทัวร์แล้ว ทีมงานจะนัดหมายเพื่อเตรียมยื่นวีซ่าเช็งเก้นจากประเทศสวีเดน



กำหนดการเดินทาง
28 มกราคม 2567 กรุงเทพฯ
22.00 พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เค้าท์เตอร์การบินไทย
29 มกราคม 2567 สต็อกโฮล์ม
00.05 ออกเดินทางไปยังสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน แวะเปลี่ยนเครื่องไปคิรูนา
บ่าย เดินทางถึงเมืองคิรูนา เมืองทางตอนเหนือสุดของประเทศสวีเดน อยู่ในพื้นที่เรียกว่า แลปแลนด์ มีพื้นที่ติดกับประเทศฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ รัสเซีย และทะเลบอลติก ภูมิประเทศแบบกึ่งอาร์กติกกว้างใหญ่มาก เต็มไปด้วยสกีรีสอร์ต และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง เช่น พระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อน และแสงเหนือในฤดูหนาว
จุดหมายแรกของการท่องเที่ยวในทริปนี้คือ โรงแรมน้ำแข็ง หรือ Ice Hotel ที่ตั้งอยู่ในเมืองคิรูนา นับเป็นโรงแรมน้ำแข็งแห่งแรกของโลก สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1994 โดยการตัดเอาก้อนน้ำแข็งจากแม่น้ำ Torne River มาจัดทำเป็นโรงแรมซึ่งสร้างจากน้ำแข็งล้วน แบ่งเป็นห้องๆ แต่ละห้องมีการแกะสลักน้ำแข็งอย่างสวยงาม พร้อมประดับไฟแสงสี รวมแล้วนับร้อยห้องทีเดียว เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชม โดยแต่ละปีจะมีการจัดประกวดแข่งขันตกแต่งห้องต่างๆ ไม่ซ้ำกัน สามารถเดินชม และถ่ายภาพได้ทุกห้อง นอกจากนี้ยังมีห้องโถงและบาร์ที่เป็นอาคารสร้างจากก้อนน้ำแข็งเช่นกัน
ที่พักในคืนแรกอยู่ภายในโรงแรมน้ำแข็ง แต่เป็นห้องพักตามปกติ มีฮีทเตอร์อุ่นสบาย หลังจากเช็กอินมีเวลาให้เที่ยวชมและถ่ายภาพกันได้อย่างเต็มที่
พักที่ Ice Hotel Kiruna



30 มกราคม 2567 อุทยานแห่งชาติอบิสโก (สวีเดน)
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ออกเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติอบิสโก (ABISKO NATIONAL PARK) เป็นหนึ่งในสุดยอดสถานที่ชมแสงเหนือในเขตแลปแลนด์ ซึ่ง LONELY PLANET จัดอันดับให้เป็นสถานที่ชมแสงเหนือดีที่สุดในโลก เนื่องจากมีองค์ประกอบทางธรรมชาติที่สวยงามครบครัน อาทิ ภูเขา ทะเลสาบและน้ำตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีสำหรับการชมแสงเหนือบนยอดเขาสูง Aurora Sky Station ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เนื่องจากมีสถิติการเห็นแสงเหนือเฉลี่ยมากที่สุดในโลกนั่นเอง สาเหตุหลักมาจากพื้นที่แถบนี้ค่อนข้างปลอดโปร่ง มีเมฆน้อย อากาศแจ่มใส ไม่มีมลภาวะใดๆ หากโชคดีพอ จะได้เห็นแสงเหนือหลากสีเต้นระบำอย่างสวยงาม และนักท่องเที่ยวที่มาชมแสงเหนือที่นี่ประสบความสำเร็จกันมากถึง 80%
กิจกรรมแรกของเช้าวันนี้ นำท่านสัมผัสกับประสบการ Snow Walk ด้วยการสวมพื้นสำหรับเดินบนหิมะโดยไม่จม พร้อมไม้สกี เดินเที่ยวชมทิวทัศน์ที่สวยงาม เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนในเขตอุทยานฯ บ่ายเดินเที่ยวชมทิวทัศน์ น้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็ง และเดินเล่นถ่ายภาพในทะเลสาบที่ผิวน้ำกลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง
ค่ำ นั่งกระเช้าลอยฟ้าแบบห้อยขา (ShareLift) ขึ้นไปยังสถานีชมแสงเหนือ Aurora Sky Station มีเวลาเฝ้าชมแสงเหนือถึงเที่ยงคืน ( หากสภาพอากาศไม่ดี จะขึ้นไปบนเขาในวันถัดไป )
พักที่ Svenska Turistföreningen ( ที่พักแห่งเดียวในอุทยานแห่งชาติอบิสโก )



31 มกราคม 2567 อุทยานแห่งชาติอบิสโก (สวีเดน)
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านท่องเที่ยวอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติอบิสโกในเวลากลางวัน Abisko ตั้งอยู่ในจังหวัด Lapland ของสวีเดนใกล้กับชายแดนนอร์เวย์ ประมาณ 37 กม. และอยู่ในเทศบาลเมือง Kiruna ซึ่งเป็นเทศบาลทางเหนือสุดและใหญ่ที่สุดของสวีเดน เริ่มต้นที่ชายฝั่ง Torneträsk หนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของสวีเดนซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้าน Abisko และทอดยาวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 15 กม. และอยู่ในเขตอาร์กติกเซอร์เคิล ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืนและแสงเหนือ
ค่ำ นำท่านเดินไปชมแสงเหนือสุดมหัศจรรย์ริมทะเลสาบ ที่มีสภาพแวดล้อมยอดเยี่ยม ไม่มีแสงไฟใดๆ มารบกวน ถ้าโชคดีพอ ก็จะได้เห็นแสงเหนือเริงระบำเต็มท้องฟ้าอย่างงดงาม
พักที่ Svenska Turistföreningen
1 กุมภาพันธ์ 2567 อบิสโก - สโลเวอร์ - โลโฟเทน
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เช็กเอ้าท์ เดินทางข้ามชายแดนสวีเดนสู่ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งอยู่ในดินแดนของแลปแลนด์เช่นกัน หมู่เกาะโลโฟเทน ดินแดนในเขตอาร์คติกหรือเส้นแนวขั้วโลกเหนือ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ นับเป็นสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวที่ลือชื่อในทิวทัศน์ที่งดงามตระการตา มีเกาะแก่ง หาดทราย ผืนน้ำทะเล และทิวเขารูปทรงแปลกตา ภูมิประเทศของโลโฟเทนในฤดูหนาวสวยงามแปลกตา ต่างกับช่วงฤดูอื่นอย่างสิ้นเชิง ในวันนี้จะใช้เวลาเดินทางราว 4-5 ชั่วโมง เพื่อไปยังเมืองสโลเวอร์ เมืองใหญ่ที่สุดของเกาะโลโฟเทน เมืองสโววาร์ และเป็นชุมทางสำคัญสำหรับทั้งภูมิภาค และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของหมู่เกาะโลโฟเทน
บ่ายเช็กอินเข้าที่พัก ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งทะเล รอบๆ โรงแรมมีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ มากมาย อิสระเดินเที่ยวชมเมืองตามอัธยาศรัย
ค่ำ นำท่านเดินทางออกนอกเมืองเพื่อตามล่าและถ่ายภาพร่วมกับแสงเหนือ โดยจะเลือกจุดที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ
พักที่โรงแรม Thon Hotel Svolvær






2 กุมภาพันธ์ 2567 โลโฟเทน (นอร์เวย์)
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางผ่านเมือง Leknes และเกาะต่างๆ ไปจนถึงเกาะที่อยู่ตอนใต้สุด ทิวทัศน์ระหว่างทางงดงามชวนฝันมากทีเดียว ใน 2 วันนี้จะนำท่านเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ บนเกาะโลโฟเทน อาจจะมีสลับปรับเปลี่ยนบ้าง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน
Rorbuer คือชื่อของหมู่บ้านชาวประมงที่เป็นบ้านสีแดง ถูกดัดแปลงเป็นบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และพบเห็นได้มากมายตามชายฝั่งทะเลของโลโฟเทน
Nusfjord หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่มีชื่อเดียวกับฟอร์ดอันงดงาม เพียงแค่ได้เดินเที่ยวชมหมู่บ้านแห่งนี้ก็คุ้มค่ากับการเดินทางมาเยือนแล้ว ตามบ้านต่างๆ จะเห็นปลาค็อดตากแห้งเรียงรายอยู่หน้าบ้าน เช่นเดียวกับหมู่บ้านประมงอื่นๆ ในโลโฟเทน ที่น่าสนใจคือมีมุมสวยๆ ให้บันทึกภาพมากมาย โดยเฉพาะจุดชมวิวมุมสูงที่มองเห็นทั้งหมู่บ้านได้อย่างชัดเจน และยังมีร้านอาหารทะเลชื่อดัง มีอาหารทะเลสดๆ ให้เลือกลิ้มลอง
Olenilsøya kystfort จุดชมวิวบนเนินเขาเตี้ยๆ ใช้เวลาเดินขึ้นเพียง 15 นาที มองเห็นวิวหมู่บ้าน Hamnoy ได้อย่างสวยงาม รวมทั้งหมู่บ้านชาวประมงที่ทาสีเหลืองสดใส แตกต่างจากหมู่บ้านอื่นๆ ที่มักทาสีแดงสลับขาว มองเห็นน้ำทะเลใสสะอาด โอบล้อมด้วยทิวเขาที่มียอดเขาแหลม เหมาะสำหรับชมแสงเช้าและแสงเหนือในยามค่ำคืน
Reine หมู่บ้านชาวประมงแสนน่ารักและงดงาม แวดล้อมไปด้วยโค้งอ่าวและทิวเขาที่มหัศจรรย์ เป็นสถานที่โปรดแห่งหนึ่งของนักปีนเขา รวมไปถึงนักวาดภาพ และนักถ่ายภาพ ที่เดินทางมาเยือนอย่างไม่ขาดสายในทุกๆ วัน และทุกฤดูกาล ในวันที่อากาศดีจะมีกิจกรรมเดินขึ้นไปชมวิวโค้งอ่าวและหมู่บ้านชาวประมงบนยอดเขา ใช้เวลาเดินราว 1-2 ชั่วโมง หมู่บ้านแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงทางด้านวิถีชีวิตแบบชาวประมงดั้งเดิม โดยนำปลาที่จับได้มาตากแห้งเป็นวิธีการถนอมอาหาร ใช้เก็บไว้ทานได้ยาวนาน ซึ่งปลาส่วนใหญ่ที่จับได้ในเขตนี้คือปลาค็อด ไปทางไหนก็เห็นปลาค็อดตากแห้ง ทำกันเป็นอุตสาหกรรมส่งขายในนอร์เวย์เองและต่างประเทศทั่วโลก เป็นสินค้าส่งออกเก่าแก่ที่ทำอย่างต่อเนื่องมานานนับพันปีทีเดียว
Å หมู่บ้านสุดท้ายที่อยู่ปลายสุดของเกาะโลโฟเทน มีธรรมชาติที่งดงาม และได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อสั้นที่สุดในโลก ออกเสียงว่า โอ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ชาวประมงนอร์วีเจียน จัดแสดงประวัติศาสตร์การทำประมงของหมู่เกาะโลโฟเทนในระยะเวลากว่า 200 ปีที่ผ่านมา ชมเรือนูร์ลันด์โบราณและอุปกรณ์การตกปลาชนิดต่างๆ
ค่ำ หากโชคดีพอในวันนี้จะได้ชมแสงเหนือง่ายๆ จากรอบๆ ที่พัก ซึ่งเป็นจุดชมแสงเหนือดีที่สุดของเกาะโลโฟเทน
พักที่ Reinefjorden ห้องพักแบบอพาร์ทเม้นท์หลังละ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ครัว ตู้เย็น เตาไฟฟ้า ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น (ไม่มีอาหารเช้า จะนำท่านไปซื้ออาหารที่ซุปเปอร์มาเก็ต
3 กุมภาพันธ์ 2567 โลโฟเทน (นอร์เวย์)
เช้าวันนี้เดินทางย้อนกลับเส้นทางเดิมไปยังเมือง Leknes เมืองใหญ่อีกแห่งของเกาะโลโฟเทน ระหว่างทางแวะเที่ยวชมตามจุดต่างๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอาทิ Haukland Beach, Kvalvika Beach, Uttakleiv Beach, Ytresand Beach, Rambergstranda, Skagsanden beach, Myrland beach, Unstad Beach
ค่ำ จากที่พักสามารถชมแสงเหนือได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความแรงของแสงเหนือ
พักที่ Lofoten Basecamp ที่พักแบบอพาร์ทเม้นท์ พักห้องละ 2 ท่าน มีห้องน้ำในตัว ตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องชงกาแฟ ( ไม่มีอาหารเช้า)










4 กุมภาพันธ์ 2567 อบิสโก (สวีเดน)
เช้าออกเดินทางออกจากเกาะโลโฟเทน เดินทางข้ามชายแดนไปยังสวีเดนบนเส้นทางเดิม ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง แวะเที่ยวถ่ายภาพตามจุดต่างๆ ที่น่าสนใจระหว่างเดินทาง
ค่ำ หากท้องฟ้าเปิดและแสงเหนือแรง จะนำท่านไปชมแสงเหนือริมทะเลสาบ
พักที่ พักที่ Svenska Turistföreningen
5 กุมภาพันธ์ 2567 ฟินแลนด์
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เช็กเอ้าท์ เดินทางข้ามชายแดนสวีเดนไปยังประเทศฟินแลนด์ ผ่านภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยป่าสน ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน เป็นภาพที่งดงามสัญลักษณ์ของดินแดนที่ชื่อว่า แลปแลนด์
จุดหมายวันนี้คือโรงแรมที่มีหลังคาเป็นโดมกระจกโค้ง สำหรับชมแสงเหนือยามค่ำคืน และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก พักห้องละ 2 ท่าน มีห้องน้ำในตัว หากโชคดีพอ จะสามารถเฝ้าชมดูแสงเหนือได้ตลอดคืนโดยไม่ต้องกลัวหนาว
กิจกรรมในช่วงบ่ายคือ นั่งสุนัขฮัสกี้ลากเลื่อน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมในพื้นที่แลปแลนด์ สัมผัสกับความน่ารักและแสนรู้ของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ซึ่งเป็นสุนัขท่ีแข็งแรง คล่องแคล่ว เต็มไปด้วยพลัง เป็นคุณสมบัติที่สืบทอดจาก
บรรพบุรษุที่มาจากสิ่งแวดล้อมที่หนาวเย็นอย่างรุนแรงของไซบีเรียและจากการเพาะพันธุ์ของชาวชุกชี (Chukchi) สุนัขถูกนําเข้ามาในอลาสก้า ระหว่างช่วงตื่นทองที่เมืองนอมน์ (Nome) และแพร่เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและแคนาดา สำหรับใช้ลากเลื่อนในฤดูหนาว
จากนั้นเดินทางไปเช็กอินเข้าที่พัก Kakslauttanen Arctic Resort - Igloos and Chalets ตั้งอยู่ในภูมิภาค Saariselkä Fell ของฟินแลนด์ แลปแลนด์ อยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล ที่พักแห่งนี้ให้บริการบ้านน้ำแข็ง และชาเล่ต์ไม้แบบดั้งเดิม รวมถึงห้องซาวน่าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยห้องพักในคืนนี้มีหลังคาเป็นโดมกระจกครึ่งวงกลมอยู่เหนือเตียงนอน เป็นกระจกชนิดพิเศษเก็บความร้อน ทำให้ห้องอุ่นสบาย และไม่มีหิมะเกาะ หากยามค่ำคืนท้องฟ้าเปิด และแสงเหนือแรงพอ จะนอนชมแสงเหนือได้อย่างชัดเจนและสวยงาม นับเป็นหนึ่งในสถานที่ชมแสงเหนือในฝันของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
ที่โรงแรมมีห้องอาหาร ที่มีเมนูพิเศษของแลปแลนด์ให้ท่านได้ลิ้มลอง เมนูที่น่าสนใจเช่น กวางเรนเดีย และปลาแซลมอนย่าง
พักที่ Kakslauttanen Arctic Resort



6 กุมภาพันธ์ 2567 Urho Kekkonen National Park - หมู่บ้านซาตาครอส (ฟินแลนด์)
หลังอาหารเช้ า เดินทางไปเที่ยวชมทิวทัศน์ฤดูหนาวในอุทยานแห่งชาติ Urho Kekkonen National Park ป่าสนและทุ่งหิมะขาวโพลน และทิวเขามากมาย ถ่ายภาพกันได้อย่างสวยงาม จากนั้นเดินทางไปยังหมู่บ้านซาตาครอส โดยมีไฮไลท์คือบ้านของซานตาครอส ที่ใครๆ ก็รู้จักกันทั่วโลก แต่มีน้อยคนที่จะได้มาเยือนบ้านซานตาครอสในบรรยากาศฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน งดงามมากในเวลากลางวัน และสวยงามมากขึ้นเป็นทวีคูณจากแสงไฟประดับในเวลากลางคืน โดยที่พักในคืนนี้อยู่ภายในหมู่บ้านซาตาครอส และมีหลังคากระจกสำหรับชมแสงเหนือในยามค่ำคืน สามารถเดินเที่ยวชมหมู่บ้าน ถ่ายภาพได้อย่างเต็มที่ทั้งกลางวันและกลางคืน หากท้องฟ้าเปิดยามค่ำคืนและแสงเหนือแรงพอ จะเป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่น่าประทับใจด้วยการชมและถ่ายภาพแสงเหนือจากภายในบ้านพักที่มีหลังคาเป็นกระจกใส มองเห็นแสงเหนือได้ชัดเจนและเต็มตา
พักที่ Santa's Igloos Arctic Circle







7 กุมภาพันธ์ 2567 หมู่บ้านซาตาครอส - ลากเลื่อนกวางเรนเดียร์ - สโนว์โมบิล
หลังอาหารเช้า นำท่านนั่งกลางเรนเดียร์ลากเลื่อนในหมู่บ้านซาตาครอส
กวางเรนเดียร์เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ โดยตัวผู้ขนาดโตเต็มที่น้ําหนัก กว่า 300 กิโลกรัม และสูงประมาณ 214 เซนติเมตร ขนตามลําตัวยามปกติจะมีสีน้ําตาล แต่เมื่อเข้าสู่ฤดหูนาวขนจะเปลี่ยนไปเป็นสีอ่อนหรือสีขาว ชาวแลปแลนด์นิยมเลี้ยงไว้เพื่อใช้งานเป็นพาหนะเดินทางไปในที่ต่างๆ และลากเลื่อนสิ่งของ ปัจจุบันนิยมมาลากเลื่อนให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สวยงามน่าประทับใจในช่วงฤดูหนาว จากนั้นเดินทางย้อนกลับไปยังเมืองคิรูนา
เย็น นำท่านทำกิจกรรมขี่สโนว์โมบิล พาหนะเดียวที่ชาวแลปแลนด์ใช้เดินทางในยามที่หิมะตกหนัก รถยนต์ไม่สามารถเดินทางได้ แต่สโนว์โมบิลสามารถเคลื่อนที่ได้ในทุกพื้นที่แม้ว่าจะมีหิมะหนา เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าประทับใจในการเดินทางมาเยือนแลปแลนด์ โดยทุกท่านต้องสวมชุดกันหนาวที่ออกแบบให้คลุมตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า รวมทั้งรองเท้า ถุงมือ หมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัย จากนั้นจะเรียนการขับขี่สโนว์โมบิลขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ท่านได้สนุกสนานเพลิดเพลินบนเส้นทางทุ่งน้ําแข็งขนาดใหญ่ สลับป่าสนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ จากนั้นเดินทางเข้าเมืองคิรูนา
18.00 เดินทางไปเช็กอินที่สนามบินคิรูนา
20.30 ออกเดินทางโดยสายการบิน SAS
22.05 เดินทางถึงสนามบินสต็อกโฮล์ม
พักที่ Radisson Blu Airport Terminal Hotel
8 กุมภาพันธ์ 2567 สต็อกโฮล์ม - พิพิธภัณฑ์วาซา - Stockholm Quality Outlet
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเที่ยวชมเมืองสต็อกโฮล์ม เมืองหลวงของประเทศสวีเดน ประกอบด้วยแผ่นดินและเกาะแก่งรวม 14 เกาะ มีทะเลสาบมะลาเรนไหลลงสู่ทะเลบอลติก มีการตั้งรกรากมาตั้งแต่ยุคหิน ราวหกพันปีก่อนคริสตกาล และจัดตั้งขึ้นมาในฐานะเมืองเมื่อปี 1252 โดยบีรเยร์ ยาร์ล ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสิบภูมิภาคที่มีจีดีพีต่อหัวสูงสุดในทวีปยุโรป และได้รับการจัดอันดับเป็นมหานครโลกระดับอัลฟา รวมถึงเป็นนครที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย เป็นศูนย์กลางของสำนักงานใหญ่บริษัทใหญ่ ๆ ในภูมิภาคนอร์ดิก สถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยระดับต้นๆ ของโลกก็ตั้งอยู่ในสต็อกโฮล์ม เช่น สถาบันเศรษฐศาสตร์สต็อกโฮล์ม, สถาบันคาโรลินสกา, ราชวิทยาลัยเทคโนโลยีเคทีเอช และ มหาวิทยาลัยลุนด์ นอกจากนี้สตอกโฮล์มยังเป็นเมืองเจ้าภาพการจัดพิธีมอบรางวัลโนเบลที่โถงคอนเสิร์ตสต็อกโฮล์ม และ ศาลาว่าการเมืองสต็อกโฮล์ม หนึ่งในบรรดาพิพิธภัณฑ์ชั้นนำของสต็อกโฮล์มคือพิพิธภัณฑ์วาซา ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ใช่หอศิลป์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย รถไฟใต้ดินสต็อกโฮล์ม ซึ่งเปิดทำการในปี 1950 เป็นที่รู้จักทั่วโลกจากการตกแต่งภายในสถานีทุกสถานี จนได้รับการขนานนามให้เป็นหอศิลป์ที่ยาวที่สุดในโลก
สต็อกโฮล์มเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของรัฐบาลสวีเดนและกระทรวงทบวงต่าง ๆ ของประเทศ รวมถึงศาลสูงสุดในระบบยุติธรรม และที่ประทับอย่างเป็นทางการของสถาบันพระมหากษัตริย์และนายกรัฐมนตรี ที่ทำการรัฐบาลสวีเดนตั้งอยู่ในอาคารโรเซินบาด ส่วนริคสดาก (สภา) ตั้งอยู่ในอาคารรัฐสภา และที่อยู่ทางการของนายกรัฐมนตรีตั้งอยู่ตรงข้ามกันที่บ้านซาเกร์ ที่ประทับทางการและสถานที่ทรงงานหลักของพระราชวงศ์สวีเดนคือพระราชวังสต็อกโฮล์ม ในขณะที่พระราชวังโดรตท์นิงโฮล์มซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกและตั้งอยู่ชานเมืองสต็อกโฮล์ม เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระบรมวงศานุวงศ์
นำท่านเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์วอซา หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ใบราณที่ดีที่สุดในโลก โดยจัดแสดงเรือรบวอซา เป็นเรือไม้ทั้งลำอายุเกือบ 400 ปี แต่มีสภาพสมบูรณ์มากกว่า 90% อย่างน่าอัศจรรย์
เรือวอซาถูกสร้างขึ้นตามพระบัญชาของกษัตริย์กุสตาฟที่ II อดอล์ฟแห่งสวีเดน และสร้างขึ้นโดยช่างที่เป็นชายและหญิงประมาณ 400 คนที่อยู่ในสต็อกโฮล์มซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1626 เรือลำนี้เป็นเรือที่ทรงอานุภาพด้วยการติดตั้งเสาเรือถึงสามเสาพร้อมด้วยใบเรือสิบใบ ตัวเรือมีความสูง 52 เมตร ยาว 69 เมตรและหนักถึง 1200 ตัน พร้อมด้วยปืนใหญ่ 64 กระบอก
เรือรบลำนี้ได้ล่มและอับปางลงในการเดินเรือครั้งแรกที่สต็อกโฮล์มช่วงปี ค.ศ. 1628 หลังจากที่จมอยู่ใต้ทะเลมานานกว่า 333 ปี ก็ได้ถูกกู้ขึ้นมา งานกู้ซากเรือได้เริ่มต้นขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 1957 โดยนักดำน้ำได้ขุดอุโมงค์ข้างใต้ลำเรือเพื่อให้สามารถลากสายเคเบิลเข้าไปได้ ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1961 เรือลำนี้ได้โผล่พ้นน้ำขึ้นมา และถูกกู้ขึ้นมาโดยมีชิ้นส่วนที่ทำจากไม้ราว 14,000 ชิ้น ได้มีการเก็บรักษาตัวเรือและชิ้นส่วนทุกชิ้น จากนั้นจึงมีการนำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบขึ้นเป็นตัวเรือใหม่ซึ่งเหมือนกับการต่อจิ๊กซอว์ขนาดมหึมา
เรือวอซาคือเรือในยุคศตวรรษที่ 17 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้และมีความงดงามมากที่สุดลำหนึ่งของโลก จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ นับเป็นทรัพย์สมบัติทางศิลปะอันเลอค่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
บ่าย อิสระช้อปปิ้งที่ Stockholm Quality Outlet มีสินค้าราคาลดสูงสุดถึง 70% กว่า 200 แบรนด์ดัง จากนั้นเดินทางกลับที่พัก
พักที่ Radisson Blu Airport Terminal Hotel
9 กุมภาพันธ์ 2567 สต็อกโฮล์ม - กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
11.00 น. เช็กอินเค้าท์เตอร์การบินไทย
13.50 น. ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน TG 961 (บินตรง)
10 กุมภาพันธ์ 2567 กรุงเทพฯ
05.50 เดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ พร้อมภาพสวยงามที่จะอยู่ในความทรงจำดีๆ ไปอีกนานแสนนาน



