
นามีเบีย ซาฟารี
ทัวร์นามีเบียซาฟารี เดินทางผ่านทะเลทรายคาลาฮารีและนามิบอันยิ่งใหญ่ตระการตาริมฝั่งมหาสมุทร ตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ทะเลทรายที่น่าทึ่ง ชมชีวิตสัตว์ป่า Big Five และอื่นๆ ในอุทยานแห่งชาติ Etosha ชมผูงนกฟลามิงโกแสนสวย เดินทางด้วยรถบัสปรับอากาศ 4 x 4 รับสมาชิกร่วมทริปเพียง 10 ท่าน นำทริปโดยอาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร




ค่าใช้จ่ายท่านละ 194,000 บาท
มัดจำเมื่อจองทัวร์ 30,000 บาท
ชำระงวดที่สอง 70,000 บาท ภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567
ส่วนที่เหลือ 94,000 บาท ชำระภายใน 20 พฤษภาคม 2567
ค่าใช้จ่ายรวม
-
ตั๋วเครื่องบินตามโปรแกรม ชั้นประหยัด
-
ที่พัก 12 คืนโปรแกรม
-
อาหารทุกมื้อตามโปรแกรม
-
รถบัสปรับอากาศ Benz Sprinter 4x4 11 ที่นั่ง ( ได้นั่งริมหน้าต่างทุกท่าน )
-
วีซ่าโมนามีเบีย ( ไม่ต้องแสดงตัว ใช้เวลาประมาณ 7 วัน )
-
ค่าล่องเรือตามโปรแกรม
-
ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ และอุทยานแห่งชาติทุกแห่งตามโปรแกรม
-
น้ำดื่มบนรถท่านละ 2 ขวด/วัน
-
ประกันเดินทางวงเงินท่านละ 2,000,000 บาท
ค่าใช้จ่ายไม่รวม
ค่าทิปต่างๆ
ค่าเครื่องดื่มทุกชนิด
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ระบุในโปรแกรม
การขอยกเลิก
หลังจากจองทัวร์หากยกเลิกก่อน 90 วัน คืนเงิน 100%
ยกเลิก 60-89 วัน หักค่าใช้จ่ายตามจริง
ยกเลิก 30-59 วัน หักค่าใช้จ่าย 50%
ยกเลิกน้อยกว่า 29 วัน ไม่คืนเงินทุกกรณี
พาหนะการเดินทาง รถบัสปรับอากาศ Benz Sprinter 4x4 ขนาด 11 ที่นั่ง ( รับสมาชิก 7 ท่าน ที่นั่งบนรถ 4 แถว ได้นั่งริมหน้าต่างทุกท่าน )
สภาพอากาศ 8-25 องศา ( ควรเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวไปด้วย )
กระเป๋าเดินทาง สูงไม่เกิน 30 นิ้ว น้ำหนักไม่เกิน 23 กิโลกรัม ท่านละ 1 ใบ ( กระเป๋าถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กิโลกรัม )



23 สิงหาคม 2567 กรุงเทพฯ - โดฮา
18.00 พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ
20:25 ออกเดินทางโดยสายการบินกาตาร์แอร์เวย์
23:40 เดินทางถึงสนามบินโดฮา ประเทศกาต้าร์ (ใช้เวลาบิน 7 ชั่วโมง 15 นาที)
24 สิงหาคม 2567 โดฮา-วินด์ฮุก-คาลาฮารี
01:45 ออกเดินทางต่อ
09:50 เดินทางถึงสนามบิน Hosea Kutako International Airport วินด์ฮุก เมืองหลวงของประเทศนามีเบีย
เราจะเริ่มต้นการเดินทางด้วยการมุ่งหน้าไปทางใต้ โดยแวะรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง เส้นทางจะผ่านเมืองสแตมปรีเอต มีจุดหมายอยู่ที่ทะเลทรายคาลาฮารี เป็นทุ่งหญ้าสะวันนากึ่งแห้งแล้งขนาดใหญ่ในแอฟริกาตอนใต้ซึ่งกินพื้นที่ราว 900,000 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศบอตสวานา และบางส่วนอยู่ในประเทศนามิเบียและแอฟริกาใต้ หลังจากเช็กอินเข้าที่พัก เดินทางไปชมแสงสีท้องยามเย็นกับทะเลทรายอันกว้างใหญ่และงดงาม และรอบๆ ที่พักยังเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด อาทิ กวาง ม้าลาย วิลเดอบีสต์ และนกชนิดต่างๆ
รับประทานอาหารค่ำ พักที่ Kalahari Anib Lodge
25 สิงหาคม 2567 ทะเลทรายคาลาฮารี
หลังอาหารเช้า ไปเดินเทรลสั้นๆ ชมทะเลทรายกับแสงสียามเช้าที่งดงามแปลกตา มีมุมมองที่สวยงามให้ค้นหาและบันทึกภาพมากมาย จากนั้นกลับที่พักเพื่อเตรียมตัวออกไปท่องซาฟารีในทะเลทรายแบบเต็มวัน โดยรับประทานอาหารกลางวันแบบปิคนิกบนเนินทรายที่มองเห็นวิวพาโนรามาที่สวยงาม และรอชมแสงสียามเย็นกับเนินทรายอันกว้างใหญ่แห่งคาลาฮารี
พักที่ Kalahari Anib Lodge
26 สิงหาคม 2567 Namib Desert
หลังอาหารเช้า ออกเดินทางสู่ทะเลทรายนามิบ ผ่านภูมิประเทศอันกว้างใหญ่จากตะวันออกไปตะวันตก การเดินทางจากผ่านเมืองเล็กๆ ชื่อ Maltahöhe ไปจนถึงที่พักในวันนี้ ตลอดเส้นทางจะมีทิวทัศน์ที่งดงามแปลกตา
หลังจากเช็กอินเข้าที่พัก เดินทางไปเฝ้าชมสัตว์ป่านานาชนิดที่แวะเวียนมาดื่มน้ำในบ่อน้ำขนาดเล็ก Desert waterhole และชมแสงสีขณะพระอาทิตย์ตกดิน แสงสีทองทาทาบกับเนินทรายเก่าแก่อายุนับหมื่นปี เป็นภาพที่งดงามอย่าน่าอัศจรยย์
รับประทานอาหารค่ำ พักที่ Namib Desert Lodge
27 สิงหาคม 2567 Sossusvlei
หลังอาหารเช้า เป็นโปรแกรมท่องเที่ยวใน Sossusvlei แบบเต็มวัน Sossusvlei มีพื้นที่เป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ อุดมไปด้วยเกลือและดินเหนียว ล้อมรอบด้วยภูเขาที่เป็นทรายสีแดง บางลูกสูงนับพันเมตรและเป็นทรายทั้งหมด อายุเก่าแก่นับล้านปี ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายนามิบ ในอุทยานแห่งชาติ Namib-Naukluft National Park เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของสถานที่ท่องเที่ยวในนามีเบีย
ชื่อ "Sossusvlei" มีต้นกำเนิดมาจากหลายภาษาและมีความหมายคร่าวๆ ว่า "หนองน้ำทางตัน" Vlei หมายถึง "บึง" ส่วน "sossus" แปลว่า "ไม่กลับมา" ในอดีตมีหนองน้ำขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันแห้งเหือดหมดแล้ว มีซากต้นไม้กระจัดกระจาย ฉากหลังเป็นเนินทรายสีแดง มีมุมถ่ายภาพให้ค้นหามากมายนับไม่ถ้วน การเข้าชมต้องเดินเท้าเข้าไปราว 20 นาทีจากลานจอดรถ
ภูเขาที่เป็นเนินทรายหลายแห่ง สามารถเดินขึ้นไปได้ แต่ก็ไม่ง่ายนัก เนื่องจากต้องเดินบนพื้นทราย เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนเนินทราย จะมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่กว้างไกลและงดงามมากทีเดียว
รับประทานอาหารค่ำ พักที่ Namib Desert Lodge
28 สิงหาคม 2567 Swakopmund (มหาสมุทรแอตแลนติก)
หลังอาหารเช้า ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ทะเลทรายนามิบอันโด่งดัง เส้นทางจะผ่านทะเลทรายที่มีทิวทัศน์อันน่าทึ่งของหุบเขา Gaub และ Kuiseb จนถึงเมือง Walvis Bay เมืองเล็กๆ ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่นี่เต็มไปด้วยนกทะเลจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะนกฟลามิงโกสีชมพู อาศัยอยู่รวมกันนับหมื่นตัว เนื่องจากน้ำทะเลตื้นๆ ในลากูนซึ่งอยู่ตรงข้ามโรงแรมที่พักพอดี เป็นแหล่งอาหารของบรรดาฟลามิงโกทั้งหลาย
เย็น เดินทางไปชมวิวทะเลทรายนามิบที่มีเนินทรายสูงที่สุดในโลกและมีทิวทัศน์ที่โดดเด่นอย่างน่าอัศจรรย์เนื่องจากอยู่ติดกับมหามุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่
รับประทานอาหารค่ำ พักที่ Flamingo Villas Boutique Hotel
29 สิงหาคม 2567 Swakopmund (มหาสมุทรแอตแลนติก)
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางเลียบชายฝั่งมหาสมุทรไปยังแหล่งแมวน้ำเคปเฟอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนแมวน้ำกว่า 200,000 ตัวอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ สามารถชมและถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิด
บ่าย เดินทางไปท่าเรือเพื่อล่องเรือแคทตามาลัน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ท่องเที่ยวไปตามชายฝั่งทะเลมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งจะมองเห็นฝูงแมวน้ำจำนวนนับพันๆ ตัวตามชายฝั่งและในน้ำทะเล พร้อมทั้งนกทะเลนานาชนิด บนเรือมีบริการอาหารว่าง ขนมหวาน หอยนางรมสด เบียร์และชา กาแฟฟรีสำหรับทุกท่าน
รับประทานอาหารค่ำ พักที่ Flamingo Villas Boutique Hotel
30 สิงหาคม 2567 Damaraland
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางเลียบชายฝั่งมหาสมุทรขึ้นไปทางเหนือสู่อ่าว Henties จากนั้นมุ่งหน้าเข้าแผ่นดินบนทางลูกรังไปยัง Damaraland พื้นที่แถบนี้เป็นภูเขาทรายสูงที่สุดในนามิเบีย ระหว่างทางจะเห็นสตรีชาวเผ่าเฮเรโรที่โดดเด่นพร้อมแผงขายของสีสันสดใสข้างทาง
บ่ายเดินทางถึงที่พัก Damara Mopane Lodge สร้างขึ้นในดีไซน์เขาวงกตครึ่งวงกลมพร้อมสระน้ำสีฟ้าครามตรงกลาง ลอดจ์แห่งนี้มีเสน่ห์น่าประหลาดใจ ที่พักจะแยกออกจากกันแบบคอทเทจ ซึ่งแต่ละหลังมีสวนของตัวเอง ให้บรรยากาศพื้นเมืองที่น่าประทับใจ
เย็น เดินทางไปชมแสงสีพระอาทิตย์ตกดินกับทัศนียภาพอันกว้างไกลของป่าโมเพน
รับประทานอาหารค่ำ พักที่ Damara Mopane Lodge
31 สิงหาคม 2567 ทไวเฟลฟอนเทน มรดกโลกยูเนสโก
หลังอาหารเช้า ออกเดินทางไปชม ทไวเฟลฟอนเทน เป็นแหล่งแกะสลักหินโบราณในเขต Kunene ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนามิเบีย ประกอบด้วยน้ำพุในหุบเขาที่ขนาบข้างด้วยความลาดชันของภูเขาโต๊ะหินทรายที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยมาก และมีอุณหภูมิกลางวันที่หลากหลาย พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนท้องถิ่นมาเป็นเวลากว่า 6,000 ปี เริ่มแรกโดยคนล่าสัตว์และต่อมาโดยคนเลี้ยงสัตว์ ทั้งสองกลุ่มชาติพันธุ์ใช้พื้นที่แถบนี้เป็นสถานที่สักการะและสถานที่ประกอบพิธีกรรมหมอผี ในกระบวนการของพิธีกรรมเหล่านี้ มีการสร้างงานแกะสลักหินอย่างน้อย 2,500 รายการ รวมถึงภาพวาดบนหินอีกสองสามภาพ การแสดงงานศิลปะสกัดหินบนหินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา และยูเนสโกก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของนามิเบียในปี 2550
บ่าย เดินทางไปชม Petrified Forest เป็นต้นไม้โบราณที่กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ และ
Organ Pipes ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขา Burnt Mountain ทางตะวันตกของเมือง Khorixas เป็นหินที่ประกอบด้วยกลุ่มหินบะซอลต์เรียงเป็นแนวคล้ายท่อออร์แกน ก่อตัวขึ้นราว 150 ล้านปี เป็นผลมาจากการแทรกซึมของลาวาเหลวเข้าไปในชั้นหินชนวน จากนั้นถูกกัดเซาะตามกาลเวลาจนกลายเป็นแท่งหินจำนวนมากรูปร่างคล้ายออร์แกน
รับประทานอาหารค่ำ พักที่ Damara Mopane Lodge
1 กันยายน 2567 อุทยานแห่งชาติ Etosha
หลังอาหารเช้า ออกเดินทางสู่ใจกลางประเทศนามีเบีย จุดหมายคือ อุทยานแห่งชาติ Etosha ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงก็จะถึงบ้านหลังใหญ่ของสัตว์ป่านานาชนิด หลังจากเช็คอินที่ Etosha Safari Camp แล้ว เราจะเดินทางเข้าไปในอุทยานแห่งชาติเพื่อเฝ้าชมและถ่ายภาพสัตว์ป่ากันทันที โดยเปลี่ยนเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 แบบเปิดทุกด้าน เพื่อให้ทุกท่านชมสัตว์ป่าและถ่ายภาพกันได้อย่างเต็มอิ่ม
อุทยานแห่งชาติเอโตชา เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกา ประกาศให้เป็นเขตสงวนในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2450 มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 22,270 ตารางกิโลเมตร มีสัตว์ป่าสำคัญและใกล้สูญพันธุ์คือ แรดดำ สำหรับสัตว์ป่าอื่นๆ มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 114 ชนิด นก 340 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 110 ชนิด สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 16 ชนิด นับว่าเป็นพื้นที่ซึ่งมีความหลากหลายของสายพันธุ์สัตว์ป่ามากที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาเลยทีเดียว การเที่ยวชมจะใช้รถเดินทางไปตามจุดต่างๆ ภายในอุทยาน สัตว์ป่าที่น่าสนใจ อาทิ ช้างแอฟริกัน แรด ควายป่า ยีราฟ เสือดาว สิงห์โต เสือชีต้าห์ ม้าลาย แมวป่า สุนัขจิ้งจอก หมาป่า ไฮยีน่า และอื่ๆ อีกมากมาย
รับประทานอาหารค่ำ พักที่ Etosha Safari Camp
2-3 กันยายน 2567 อุทยานแห่งชาติ Etosha
ในสองวันนี้จะซาฟารีถ่ายภาพสัตว์ป่าภายในอุทยานแบบเต็มวันตามจุดต่างๆ ทั่วอุทยาน โดยรับประทานอาหารแบบปิคนิกระหว่างทาง และกลับถึงที่พักในช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาปิดอุทยาน
รับประทานอาหารค่ำ พักที่ Etosha Safari Camp
4 กันยายน 2567 วินด์ฮุก
หลังอาหารเช้า ซาฟารีภายในอุทยานอีกครั้ง และหลังอาหารกลางวันเดินทางกลับไปยังวินด์ฮุก
รับประทานอาหารค่ำ พักที่ โรงแรมวินด์ฮุก
5 กันยายน 2567 วินด์ฮุก - โดฮา
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางไปเช็กอินที่สนามบิน
13:20 ออกเดินทางโดยสายการบินกาตาร์แอร์เวย์
23:00 เดินทางถึงสนามบินโดฮา
6 กันยายน 2567 โดฮา - กรุงเทพฯ
02.20 ออกเดินทางต่อโดยสายการบินกาตาร์แอร์เวย์
13.10 เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ พร้อมภาพประทับใจที่จะอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน






