-
ไทยแลนด์โฟโต้ทัวร์ ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08113
-
บัตรอนุญาตผู้นำเที่ยว ( Tour Leader ) นำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก เลขที่ 12.0150 จากกรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
-
แชทพูดคุยกับทีมงานของเราผ่านทาง line คลิกที่นี่
-
ส่งอีเมล์หาเราได้ที่ sale@thailand-photo-tours.com
ทัวร์อเมริกา สุดยอดอุทยานแห่งชาติ
Best of USA National Park
14-28 กย 2568 (15 วัน 12 คืน) ว่าง 4 ที่

ขอเชิญร่วมเดินทางท่องเที่ยวถ่ายภาพประเทศอเมริกาฝั่งตะวันตก สัมผัสสุดยอดประสบการณ์เที่ยวอุทยานที่น่าตื่นตาตื่นใจและงดงามที่สุดของอเมริกา ครบจบในทริปเดียว ถ่ายภาพกันอย่างจุใจ รับสมาชิกร่วมทริปเดินทางกลุ่มเล็กเพียง 10 ท่าน เดินทางในช่วงเวลาดีที่สุดของรอบปี นำทริปและถ่ายภาพโดย อาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร ช่างภาพมืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 30 ปี
* กรุณาอ่านเงื่อนไขก่อนจองทัวร์
ไฮไลท์ที่น่าสนใจของทริปนี้
-
Bryce Canyon National Park
-
Zion National Park
-
Horseshoe Bend
-
Upper & Lower Antelope Canyon
-
Grand Canyon National Park
-
Monument Valley Navajo Tribal Park
-
Canyonlands National Park
-
Arches National Park
-
Salt Lake City
ค่าใช้จ่ายท่านละ 160,000 บาท
มัดจำเมื่อจองทัวร์ 60,000 บาท , ส่วนที่เหลือชำระภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2568
ค่าใช้จ่ายรวม
-
ค่าโรงแรมทุกแห่ง รวม 12 คืน ห้องพัก 2 เตียงแยก มีห้องน้ำในตัว
-
ค่าอาหารเช้าที่โรงแรมทุกแห่ง
-
ค่าพาหนะการเดินทาง รวมน้ำมัน, ทางด่วน
-
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานทุกแห่งตามโปรแกรม
-
ค่ากิจกรรมตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทุกแห่งตามโปรแกม
ค่าใช้จ่ายไม่รวม
-
ค่าตั๋วเครื่องบินตามโปรแกรม ( ชั้นประหยัดราคาประมาณ 60,000 บาทขึ้นกับวันออกตั๋ว )
-
อาหารกลางวันและอาหารค่ำ (ทีมงานพาสมาชิกไปทานที่ร้านอาหารระหว่างเดินทาง ตลอดทริปประมาณ 20,000 บาท)
-
ค่าธรรมเนียมขอวีซ่าอเมริกา ( ต้องขอวีซ่าอเมริกาด้วยตนเองโดยกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าออนไลน์แล้วนัดสัมภาษณ์ที่ )
พาหนะการเดินทาง รถแวน 12 ที่นั่ง ( สมาชิก 10 ท่าน + หัวหน้าทัวร์ขับรถนำเที่ยวตลอดการเดินทาง )
ที่พัก โรงแรมมาตรฐาน เตียงคู่ควีนไซส์ แยก 2 เตียง มีห้องน้ำ ฟรี WiFi
สมาชิกร่วมทริป ควรมีสุขภาพแข็งแรงดี เนื่องจากทุกอุทยานต้องเดินเที่ยว
สภาพอากาศ โดยประมาณ 10-27 องศา โดยรวมอากาศดี ไม่มีฝน
-
Bryce Canyon National Park ( 10-20 องศา )
-
Zion National Park ( 15-26 องศา )
-
Horseshoe Bend ( 12-18 องศา )
-
Upper & Lower Antelope Canyon ( 20-27 องศา )
-
Grand Canyon National Park ( 10-25 องศา )
-
Monument Valley Navajo Tribal Park ( 20-28 องศา )
-
Canyonlands National Park ( 20-28 องศา )
-
Arches National Park ( 15-25 องศา )
-
Salt Lake City ( 15-25 องศา )
น้ำหนักกระเป๋า กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สูงไม่เกิน 29 นิ้วท่านละ 1 ใบ


ห้องพักทุกโรงแรม 2 เตียงแยกควีนส์ไซต์ พร้อมอาหารเช้า

กำหนดการเดินทาง
พระอาทิตย์ขึ้น 07.00 , พระอาทิตย์ตก 19.30
14 กันยายน 2568 : กรุงเทพ - โตเกียว - ซานฟรานซิสโก - ซอลต์เลคซิตี้
04.30 พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ
07.00 ออกเดินทางโดยสายการบิน เจแปน แอร์ไลน์ เที่ยวบิน NH806
15.20 เดินทางถึงสนามบินนาริตะ (โตเกียว)
17.10 ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน NH7012
10.35 เดินทางถึงสนามบินซานฟรานซิสโก
13.40 ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน NH7302
16.40 เดินทางถึง Salt Lake City
พักที่โรงแรม Best Western Plus Airport Inn & Suites เตียงควีนไซส์ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า
15กันยายน 2568 : Bryce Canyon National Park
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ออกเดินทางไปยัง Bryce Canyon National Park ( 5 ชั่วโมง ) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉัยงใต้ของรัฐ UTAH มีเนื้อที่ประมาณ 145.02 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะเป็นกลุ่มของเสาหินที่ตั้งเรียงกันอยู่มากมาย เรียกว่า Hoodoo ตำนานของพวกอินเดียนแดงกล่าวว่าแท่งหินเหล่านี้เกิดจากมนุษย์ที่ต้องคำสาปกลายเป็นหิน แต่ความเป็นจริงเกิดจากการกัดเซาะและผุพังของชั้นหินจากลม ฝน และหิมะ เนื่องจากเป็นหน้าผาสูงชัน เมื่อน้ำไหลผ่านจึงเพิ่มความเร็วของน้ำและพลังงานในการกัดเซาะ นอกจากนั้น ที่นี่อยู่ในระดับสูงจากน้ำทะเล มีอากาศเย็นและมีหิมะตก มีทางเดินชมวิวตามริมหน้าผามองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดทาง บางจุดสูงมากกว่า 2 กิโลเมตรทีเดียว
เย็น เดินทางไปชมแสงสีพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม มองเห็นเสาหินกลายเป็นสีแดงอย่างน่าอัศจรรย์
พักที่ Bryce View Lodge ห้องละ 2 ท่าน เตียงควีนไซส์ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า



16 กันยายน 2568 Zion National Park
เช้า เดินทางไปอุทยานแห่งชาติ Zion National Park
อุทยานแห่งชาติไซออน (Zion National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ใกล้กับ Springdale รัฐยูทาห์ เมื่อ พ.ศ. 2452 ประธานาธิบดี William Howard Taft ได้ประกาศบริเวณนี้ให้เป็น National monument เพื่ออนุรักษ์พื้นที่หุบเขา ภายใต้ชื่อว่า Mukuntuweap National Monument ต่อมาใน พ.ศ. 2461 acting director จาก National Park Service ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ได้เปลี่ยนชื่ออุทยานเป็น Zion เนื่องจากชื่อเดิมไม่เป็นที่ไม่เป็นที่นิยมในท้องถิ่น Zion เป็นคำในภาษาฮิบรูโบราณ หมายถึง สถานที่หลบลี้ภัย ซึ่งชื่อนี้ได้รับการต้อนรับเชิงบวกมากขึ้นจากสาธารณชน ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 United States Congress ได้ประกาศให้ monument แห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติ จนกระทั่ง พ.ศ. 2480 Kolob section ได้ประกาศ Zion National Monument แยกต่างหากอย่างเป็นทางการ แต่ได้นำมาผนวกรวมเข้ากับอุทยานเมื่อ พ.ศ. 2499
พักที่ Best Western Plus Zion West Hotel ห้องละ 2 ท่าน เตียงควีนไซส์ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า


17 กันยายน 2568 : Zion National Park
นั่งรถอุทยานเข้าชมแบบเต็มวันภายในอุทยานแห่งชาติ Zion National Park ซึ่งมีความยาวมากถึง 15 กิโลเมตร และลึก 800 เมตร ตัดผ่าน Najavo Sandstone ทางเหนือของแม่น้ำเวอร์จิน การท่องเที่ยวจะใช้รถบัสของอุทยานเที่ยวชมในจุดต่างๆ ที่มีอยู่ 9 จุด ตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ที่งดงามตระการตา ภายในหุบเขาอันกว้างใหญ่ ไฮไล์คือการเดินเลียบแม่น้ำตื้นๆ เข้าไปในหุบเขาสูงชัน เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมากทีเดียว
เนื่องจากอุทยานตั้งอยู่ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างที่ราบสูงโคโลราโด , Great Basin, และทะเลทราย Mojave อุทยานแห่งนี้จึงมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์และมี Life zone ที่หลากหลาย ทำให้มีความหลากหลายของพืชและสัตว์สูงมาก โดยภายในอุทยานจะแบ่งออกเป็น 4 Life zones ได้แก่ ทะเลทราย, Riparian, Woodland และป่าสน มีนก 289 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 75 ชนิด (โดยมีค้างคาว 19 ชนิด)สัตว์เลื้อยคลาน 32 ชนิด และพืชอีกหลายชนิด โดยมีสัตว์เฉพาะถิ่นที่สำคัญคือ สิงโตภูเขา, Mule Deer, และนกอินทรีทอง รวมทั้งสัตว์ที่นำกลับเข้ามาสู่ถิ่นฐานอีกครั้งอย่าง California แร้งแคลิฟอร์เนีย และ Bighorn Sheep พืชที่พบได้ทั่วไปได้แก่ Cottonwood, Cactus, Datura, Juniper, Pine, Boxelder, Sagebrush, yucca , และ willows ชนิดต่างๆ
พักที่ Best Western Plus Zion West Hotel ห้องละ 2 ท่าน เตียงควีนไซส์ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า


18 กันยายน 2568 : Horseshoe Bend
เดินทางมุ่งหน้าสู่เมือง Page ( ประมาณ 3 ชั่วโมง ) หลังจากเช็กอินเข้าที่พักแล้ว ไปเที่ยวกันที่ Glen Canyon Dam Overlook เขื่อนกั้นแม่น้ำโคโรลาโด บ่ายไปชม Horseshoe Bend จุดชมวิวที่มองเห็นส่วนโค้งของแม่น้ำ Corolado รูปเกือกม้า เป็นจุดชมวิวที่งดงามและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ตั้งอยู่ใกล้เมืองเพจ รัฐแอริโซนา และยังถูกเรียกว่า "ขอบด้านตะวันออกของแกรนด์แคนยอน" มีทางเดินง่ายๆ จากลานจอดรถไปยังจุดชมวิวระยะทางเพียง 2.4 กิโลเมตร มองเห็นแม่น้ำโคโลราโดที่อยู่ลึกลงไปราว 300 เมตรได้อย่างสวยงาม และงดงามที่สุดในช่วงเวลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
พักที่ Sleep Inn & Suites Page at Lake Powell เตียงควีนไซส์ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า

19 กันยายน 2568 : Antelope Canyon
เช้าเที่ยวชมเมือง Page จากนั้นช่วงบ่าย 13.00 เดินทางไปเยือน Antelope Canyon ตั้งอยู่ในบริเวณเขตอินเดียนแดงนาวาโฮ ในเมืองเพจ รัฐแอริโซนา แอนเทอโลปแคนยอนแบ่งเป็นสองส่วนคือ อัพเพอร์แอนเทอโลปแคยอน (Upper Antelope Canyon) และโลเวอร์แอนเทอโลปแคนยอน (Lower Antelope Canyon) เป็นภูเขาหินทราย (sandston) ที่ถูกน้ำกัดเซาะนานนับพันปี จนปรากฏเป็นร่องลึกและมีรูปทรงสวยงามแปลกตาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แรงดันของน้ำจะค่อยๆ กัดกร่อนทำให้หินกลายเป็นริ้วๆ โค้งไปโค้งมางดงามอย่างน่าอัศจรรย์ การเที่ยวชมต้องใช้ไกด์ท้องถิ่นนำชมเท่านั้น ซึ่งเป็นชาวอินเดียนแดงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนี้มาช้านาน จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าไปราว 500 เมตร จากนั้นจะมีบันไดเหล็กที่สูงชันนำลงไปยังพื้นเบื้องล่างของแคนยอน ไกด์จะนำเดินลัดเลาะไปตามร่องเขาที่งดงามแปลกตา แต่ละแห่งล้วนวิจิตรพิศดารดูคล้ายกับรูปร่างของสิ่งต่างๆ แล้วแต่จะจินตนาการ นับเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนเลยทีเดียว
พักที่ Sleep Inn & Suites Page at Lake Powell เตียงควีนไซส์ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า





20-21 กันยายน 2568 : Grand Canyon National Park
เช้าวันนี้ออกเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและมีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดอีกแห่งหนึ่เงของอเมริกานั่นคือ Grand Canyon National Park มีลักษณะเป็นหุบเขาลึกและหน้าผาสูงชันที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ Colorado เป็นเวลาถึง 990 ล้านปีมาแล้ว มีระยะทางยาวกว่า 450 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐ Arizona
เดิมพื้นที่บริเวณ Grand Canyon เป็นที่ราบสูงขนาดใหญ่ที่มีแม่น้ำ Colorado ไหลผ่าน ซึ่งในอดีตแม่น้ำ Colorado เป็นเพียงแค่ลำธารเล็กๆ ที่ไหลคดเคี้ยวไปมาเท่านั้น ต่อมาพื้นที่บริเวณนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาครั้งใหญ่จากการที่แผ่นเปลือกโลกยกตัวสูงขึ้น ทำให้ที่ราบสูงแห่งนี้เกิดการยกตัวแล้วกลายสภาพเป็นแนวเทือกเขาขนาดใหญ่ และการยกตัวนี้ส่งผลให้แม่น้ำ Colorado เกิดการไหลที่เร็วและแรงขึ้นจากความลาดชันที่เปลี่ยนไป และจากการที่ชั้นดินถูกยกตัวขึ้นส่งผลให้มันถูกแสงแดดแผดเผาจนแห้งแล้งและไม่สามารถดูดซับน้ำได้ เมื่อเกิดฝนตกลงมาปริมาณน้ำบวกกับกระแสลมก็ค่อยๆ กัดกร่อนชั้นดินเหล่านี้ต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายล้านปี จนทำให้มันกลายสภาพเป็นหุบเขาลึกอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
Grand Canyon ถูกค้นพบเมื่อปี 1869 โดยนักสำรวจชาวอเมริกัน John Wesley Powell (จอห์น เวสลีย์ พาวเวลล์) ที่เข้าไปทำการสำรวจหุบเขาตามเส้นทางของแม่น้ำ Colorado โดยใช้คนเพียง 9 คนกับเรือไม้เล็กเพียง 4 ลำเท่านั้น และในเวลานั้นก็มีอินเดียนแดงซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองอาศัยอยู่ก่อนแล้ว Grand Canyon นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 1979
การท่องเที่ยวในอุทยานบางแห่งสามารถขับรถไปถึงได้ แต่ทางด้านตะวันตกต้องนั่งรถรับส่งของอุทยานเข้าไป สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจส่วนใหญ่เป็นจุดชมวิวริมหน้าผา ซึ่งมองเห็นวิวได้กว้างไกลมาก และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกอีกด้วย ไฮไลท์ที่น่าสนใจเช่น
-
Mather Point
-
Yavapai Point
-
Bright Angel Point
-
Hopi Point
-
Desert View
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเทรลที่สวยงามอีกมากมาย เราจะใช้เวลาเที่ยวที่แกรนด์แคนยอน 2 วัน
พักที่ Grand Canyon Plaza Hotel หรือเทียบเท่า ( 2 เตียงแยก )





22 กันยายน 2568 : Monument Valley Navajo Tribal Park
เช้าวันนี้จะเดินทางมุ่งหน้าสู่ Monument Valley เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ชื่อดังเรื่อง Forrest Gump นำแสดงโดย Tom Hanksในปี 1994 หุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) ตั้งอยู่ที่เส้นเขตแดนระหว่างรัฐยูทาห์กับรัฐแอริโซนาทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อหุบเขามีที่มาจากแท่งหินค้ำขนาดมหึมา ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนที่ราบไม้พุ่มอันแห้งแล้ง ภูมิภาคแถบนี้เต็มไปด้วยแท่งหินหรือซากหินที่หลงเหลือจากการสึกกร่อน นักธรณีวิทยาเรียกแท่งหินลักษณะดังกล่าวนี้ว่า"โมนูเมนต์"(โมนูเมนต์)
นำท่านเที่ยวชมหินที่คล้ายสิ่งก่อสร้างจากฝีมือมนุยษ์เช่น ตึกสูง หินแท่งรูปร่างแปลกตาจำนวนมากเหล่านี้ถูกเรียกขานว่า"หินรูปประสาท"ซึ่งเป็นแท่งหินที่มีลักษณะยอดราบ หรือเรียกอีกอย่างเนิน"เมซา"(mesa) สูงกว่า 300 เมตร และด้านบนมีหินคล้ายใบเสมาปรากฏอยู่ นอกจากนี้ยังมี"หินรูปถุงมือ"ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินยอดป้านดูคล้ายนิ้วมือทั้งสี่ ไม่ไกลมีแท่งหินรูป"แม่ไก่ในรัง" ถัดมาเป็น"เนินยอดบ้านเมอร์ริค"และ"เนินยอดบ้านมิตเชล" และมี"หินรูปแม่อธิการ"และ"หินแม่ชีทั้งสาม"ซึ่งทั้งสองเนินเป็นหินที่สูงที่สุดในกลุ่มแท่งหิน สูงกว่า 245 เมตร
จากนั้นไปชม Forrest gump หนึ่งในไฮไล์ของทริปนี้ที่ทุกคนต้องมาถ่ายภาพเช็กอิน จากฉากหนังที่โด่งในอดีตเรื่อง Forrest Gump มีถนนสายตรงยาว มีแห่งหินยักษ์เป็นฉากด้านหลัง ทุกวันนี้กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมมีชื่อว่า Forest gump point
พักที่ Bluff Dwellings Resort เตียงควีนไซส์ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า



23 กันยายน 2568 : Canyonlands
ในวันนี้จะเดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติ Canyonlands เป็นอุทยานแห่งชาติของอเมริกาที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูทาห์ ใกล้กับเมืองโมอับ เป็นอีกหนึ่งอุทยานที่มีภูมิทัศน์อันงดงามและโดดเด่น หุบเขา ริมฝั่งแม่น้ำโคโลราโด แม่น้ำกรีน และแม่น้ำสาขาอื่นๆ ประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติโดยประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2507
ภายในอุทยานแบ่งออกเป็นสี่เขต ได้แก่ Island in the Sky, Needles, Maze และ Combined rivers พื้นที่แต่ละแห่งยังมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ซึ่งนักเขียนชื่อดังเอ็ดเวิร์ด แอบบีย์ ผู้มาเยือนสถานที่นี้บ่อยๆ อธิบายว่า แคนยอนแลนด์เป็น "สถานที่มหัศจรรย์ และแปลกประหลาดที่สุดในโลก ไม่มีอะไรที่เหมือนกับที่นี่อีกแล้ว"
เที่ยวชม Mesa Arch หนึ่งในไฮไลท์ของทริปนี้ เป็นสะพานหินโค้งขนาดมหึมา เป็นภาพสัญลักษ์ของอุทยานแห่งนี้เลยทีเดียว จากนั้นเที่ยวต่อตามจุดต่างๆ อาทิ Grand View Point Overlook, Shafer Trail, The Needles, Dead Horse Point State Park, White Rim Trail และ Upheaval Dome
พักที่ Best Western Plus Greenwell Inn เตียงควีนไซส์ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า



24 กันยายน 2568 : Arches National Park
เช้าวันนี้จะเที่ยวแบบเต็มวันในอุทยานแห่งชาติอาร์ช (Arches National Park) แม้ว่าจะเป็นอุทยานเล็กๆ มีเนื้อที่ไม่มาก แต่มีทิวทัศน์ที่งดงามตระการตาอย่างน่าทึ่ง ประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติของอเมริกาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 1971 ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเยี่ยมชมมากกว่า 2 ล้านคน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นี่เป็นบันทึกหน้าสำคัญทางธรณีวิทยา เป็นที่ชุมนุมของซุ้มหินโค้งหรือทับศัพท์จากภาษาอังกฤษว่าอาร์ช (Arch) ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติถึงกว่า 2000 แห่ง มีขนาดน้อยใหญ่ รูปร่างต่าง ๆ กัน
ซุ้มหินโค้งเกิดขึ้นได้อย่างไรจึงสามารถยืนหยัดท้าทายกฎของแรงโน้มถ่วงเป็นเวลานับเป็นล้านๆ ปี ที่บริเวณนี้เมื่อหลายล้านปีก่อนเคยอยู่ใต้ท้องทะเล จึงมีชั้นเกลือสะสมอยู่ด้านล่างเรียกว่า salt bed จากนั้นจึงมีการทับถมของชั้นหินทรายซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า เมื่อกาลเวลาผ่านไป ชั้นหินส่วนนี้กลายเป็นส่วนของเปลือกโลก ซึ่งผุกร่อนไปตามเวลา จากน้ำ ลม และหิมะ กัดกร่อนชั้นเกลือด้านล่างทรุดตัวลงและถูกชะล้างไปเร็วกว่าชั้นหินด้านบน เมื่อกัดเซาะไปเรื่อย ๆ จึงเกิดเป็นช่อง เป็นรู จนกลายเป็นรูปร่างคล้ายสะพานหินเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน
สะพานหินโค้งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ Delicate Arch ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุด การเที่ยวชมต้องเดินเท้าเข้าไปเป็นระยะทางราวสองกิโลเมตร ภาพที่ได้เห็นตรงหน้า เป็นธรรมชาติที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้เลยทีเดียว รวมทั้ง Landscape arch ที่งดงามอย่างน่าทึ่งโดยต้องเดินเท้าเข้าไป 1.3 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีเทรลเดินไปชมไฮไลท์ต่างๆ ภายในอุทยานอีกมากมาย อาทิ
-
Windows Section ซุ้มหินโค้งคู่
-
Double Arch, Park Avenue
-
Fiery Furnace Overlook
-
Garden of Eden
-
Balanced Rock
พักที่ Best Western Plus Greenwell Inn เตียงควีนไซส์ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า

25 กันยายน 2568 : Salt Lake City
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางกลับเข้าเมือง Salt Lake City ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง อิสระช้อปปิ้งเอ้าท์เล็ต มีร้านค้าขายสินค้านานาชนิดในราคาลดพิเศษ
พักที่โรงแรม Best Western Plus Airport Inn & Suites เตียงควีนไซส์ 2 เตียง ห้องน้ำในตัว หรือเทียบเท่า
26 กันยายน 2568 : ซอล์ทเลคซิตี้ - ซานฟรานซิสโก
06.00 เช็กอินที่สนามบินซอล์ทเลคซิตี้
09.05 ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน NH7303
10.41 เดินทางถึงสนามบินซานฟรานซิสโก
12.00 ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน NH7
27 กันยายน 2568 : โตเกียว - กรุงเทพฯ
15.20 เดินทางถึง โตเกียว นาริตะ Terminal 1
18.40 ออกเดินทางโดยสายการบิน ANA เที่ยวบิน NH805
28 กันยายน 2568 : โตเกียว - กรุงเทพฯ
00.05 ถึงกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ พร้อมภาพถ่ายประทับใจที่จะอยู่ในความทรงจำดีๆ ไปอีกนานแสนนาน


