top of page

ไทยแลนด์โฟโต้ทัวร์  ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08113 

บัตรอนุญาตผู้นำเที่ยว ( Tour Leader ) นำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก เลขที่ 12.0150 จากกรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

แชทพูดคุยกับทีมงานของเราผ่านทาง line ได้ที่ @thailandphototours 

Amazing Egypt
7 Wonders of the World

ทัวร์เจาะลึกอียิปต์ ชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
1-10 ธันวาคม 2568 ( 10 วัน 8 คืน ) ว่าง 8 ที่
นำทริปโดยอาจารย์ ประสิทธิ์ จันเสรีกร
IC2_6698.jpg
ขอเชิญร่วมเดินทางทริปประเทศอียิปต์ ประเทศที่มีอารยธรรมโบราณหลายพันปีอันน่าตื่นตาตื่นใจ เยือนมหาพีรามิด หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ชมมหาวิหารเก่าแก่มากมายอายุนับพันปี ตื่นตาตื่นใจกับหุบเขากษัตริย์ ชมเมืองและนครโบราณ  ล่องเรือแม่น้ำไนล์ เที่ยวชมครบทั้งอียิปต์บน-ล่าง เยือนเมืองอเล็กซรานเดีย ปิดทริปที่พิพิธภัณฑ์ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ The Grand Egyptian Museum  เดินทางทั่วประเทศอียิปต์โดยรถบัส เรือสำราญ และสายการบินในประเทศ พักโรงแรมหรู 5 ดาว รวมอาหารครบทุกมื้อ นำทริปและถ่ายภาพให้สมาชิกโดย อาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร ร่วมเดินทางกับเรามั่นใจว่าจะได้ภาพสวยแน่นอน!
map1.jpg

ค่าใช้จ่าย ท่านละ 109,000 บาท , สมาชิกเก่าลดท่านละ 3,000 บาท )

 

มัดจำท่านละ 50,000 บาท และกรอกแบบฟอร์มจองทัวร์

ส่วนที่เหลือชำระภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2568

การยกเลิกทริป : 
1. แจ้งยกเลิกก่อนวันที่ 1
สิงหาคม 2568 คืนมัดจำเต็มจำนวน
2. แจ้งยกเลิกระหว่าง 1 สิงหาคม - 30 กันยายน 2568 หักค่าทัวร์ 50%
3. แจ้งยกเลิกหลังวันที่ 30 กันยายน 2568 ไม่คืนเงินทุกกรณี

ค่าใช้จ่ายรวม

  • วีซ่าประเทศอียิปต์

  • ตั๋วเครื่องบินเฉาะบินในประเทศ 2 เที่ยวบิน (ไม่รวมตั๋วกรุงเทพ-ไคโร)

  • ที่พักโรงแรม 5 คืน ( ห้าดาว )  ห้องละ 2 ท่าน ( 2 เตียง )

  • ที่พักบนเรือ 3 คืนตามโปรแกรม ห้องละ 2 ท่าน ( 2 เตียง )

  • อาหารทุกมื้อตามโปรแกรม

  • ค่ารถนำเที่ยวตามโปรแกรม

  • ค่าไกด์ท้องถิ่นนำเที่ยวตลอดทริป

  • ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ และพิพิธภัณฑ์ตามโปรแกรม 

  • ค่าขี่อูฐชมมหาพีรามิดแห่งกีซา

  • ค่าประกันเดินทางวงเงิน 2,000,000 บาท


ค่าใช้จ่ายไม่รวม

  • ตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ - ไคโร สายการบินการ์ตาร์ ( ประมาณ 28,000 บาท ) กรุณาออกตั๋วหลังจากชำระค่าทัวร์ครบจำนวน ( 1 สิงหาคม 2568 ) และทัวร์ยืนยันการเดินทาง

  • ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าที่โรงแรม

  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ ท่านละ 100 USD

  • ค่าทีปทีมงานบนเรือ ท่านละ 30 USD

  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุในโปรแกรมเช่น ขึ้นบอลลูน 


ไลน์กลุ่ม
หลังจากทัวร์ยืนยันการเดินทาง จะเชิญท่านเข้าไลน์กลุ่มเพื่อนัดหมายเรื่องเอกสารขอวีซ่า และการเตรียมตัวต่างๆ 

กำหนดการเดินทาง  ( รายการทัวร์อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม )

1 ธันวาคม 2568   โดฮา - ไคโร ( อาหารค่ำ )

05.30 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เค้าท์เตอร์สายการบินกาตาร์แอร์เวย์

08.10 น. ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน QR 831 ใช้เวลาบิน 7 ชั่วโมง 35 นาที

11.45 น. ถึงสนามบินโดฮา รอเปลี่ยนเครื่อง 3 ชั่วโมง 

14.45 น. ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน QR1301

17.35 น.  เดินทางถึงกรุงไคโร  ไกด์ท้องถิ่นรอรับที่สนามบิน  นำท่านรับประทานอาหารค่ำ  จากนั้นเช็กอินเข้าโรงแรมที่พัก อิสระพักผ่อนตามอัธยาศรัย

​พักโรงแรม Hitton Nile Tower หรือเทียบเท่า ( ห้องพักแบบ 2 เตียง ) ฟรี WiFi

2 ธันวาคม 2568     มหาพีรามิดแห่งกีซ่า - พีระมิดแห่งโจเซอร์ ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางไปชมมหาพีรามิดแห่งกีซ่าอันยิ่งใหญ่ พีระมิดคูฟูหรือ พีระมิดคีออปส์ นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า มหาพีระมิดแห่งกีซา ( The Great Pyramid of Giza ) เป็น พีระมิดในประเทศอียิปต์ที่มีความใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุดในกลุ่มพีระมิดแห่งกีซาเชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัย ฟาโรห์คูฟู (Khufu) แห่ง ราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นที่เก็บรักษาพระศพ ไว้รอการกลับมาคืนชีพ ตามความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้น มหาพีระมิดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและเป็นหนึ่งเดียว ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน นำท่านขี่อูฐท่านละ 1 ตัว ถ่ายภาพคู่กับมหาพีรามิด เป็นภาพสุดประทับใจของทริปนี้

  จากนั้นไปชม รูปสลักสฟิงซ์ของอียิปต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ มหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) ถ่ายภาพโดยมีฉากหลังเป็นพีระมิดคาเฟร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ หมู่เกาะพีระมิดแห่งกิซ่า (Giza Pyramid Complex) สฟิงซ์เป็นการผสมกันระหว่างมนุษย์กับสิงโต ส่วนหัวที่เหมือนมนุษย์นั้น มีสัญลักษณ์ของฟาโรห์อียิปต์แสดงไว้ชัดเจน คือมีเคราที่คาง ตรงหน้าผากมีงูจงอางแผ่แม่เบี้ย และมีเครื่องประดับ รัดเกล้าแบบกษัตริย์โดยรอบ ว่ากันว่า สฟิงซ์ คือ รูปเหมือนขนาดใหญ่กว่าร่างจริงสองเท่าของฮาร์มาชิส เทพแห่งรุ่งอรุณ เมื่อตอนที่แปลงร่าง เป็นสิงโต มีเศียร เป็นฟาโรห์อียิปต์หรือ "sphingein" แปลว่า "การบีบรัด"

   หลังอาหารกลางวัน นำท่านเดินทางไปชมพีรามิดแห่งแรกในหมู่พีรามิดทั้งมวลชื่อ พีระมิดแห่งโจเซอร์ หรือ พีระมิดขั้นบันได เป็นโบราณสถานที่ยังคงอยู่ในสุสานในเมืองซัคคาราทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเมมฟิส มันถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 27 ก่อนคริสตกาล สำหรับการฝังศพของฟาโรห์โจเซอร์ ประกอบด้วยมาสตาบาซ้อนขึ้นไปหกชั้นและก็มีขนาดลดหลั่นไปตามชั้น และก็มีชั้นบนสุด ซึ่งมีขนาดเล็ก เดิมพีระมิดขั้นบันได สูงประมาณ 62 เมตร และฐานมีความยาวประมาณ 109 เมตร × 125 เมตร และถูกฉาบด้วยหินปูนสีขาว ทั้งนี้พิระมิดของโจเซอร์เป็นพิระมิดที่ก่อสร้างจากหินแกรนิตตัดที่มีขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุด

เย็น รับประทานอาหารค่ำ
​​พักโรงแรม Hitton Nile Tower หรือเทียบเท่า ( ห้องพักแบบ 2 เตียง ) ฟรี WiFi

3 ธันวาคม 2568  อัสวาน - เสาหินโอเบลิสก์ ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )

   อาหารเช้าแบบกล่อง นำท่านเดินทางไปสนามบินเช็กอินเที่ยวบิน MS82 เดินทางมุ่งหน้าไปยังอัสวาน เป็นนครทางใต้ของประเทศอียิปต์ เป็นเมืองหลวงของเขตผู้ว่าการอัสวาน อัสวานมีตลาดที่คึกคักและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขื่อนอัสวานบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไนล์ ห่างจากกรุงไคโรราว 900 กิโลเมตร เป็นเมืองสมัยใหม่มีการขยับขยายและเมืองยังรวมถึงเกาะเอลิฟานไทน์ เมืองเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network) ประเภทศิลปะทำด้วยมือและศิลปะพื้นบ้าน

   เที่ยวชมเขื่อน High Dam เป็นหนึ่งในเขื่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปี สร้างเสร็จในปี 1971 จากนั้นเดินทางไปชม เสาหินโอเบลิสก์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ  “Unfinished obelisk” ของพระนางฮัตเซปซุต (Hatshepsut) (ปี 1508–1458 ก่อนคริสตกาล) ฟาโรห์หญิงองค์แรกแห่งอียิปต์ เมื่อประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสต์ราช ณ เมืองอัสวาน (Aswan) เสาหินที่ยังสร้างไม่เสร็จนี้ แกะสลักทั้งต้นจากหินแกรนิต แต่ระหว่างการก่อสร้างนั้นเกิดมีรอยร้าวขึ้น ช่างแกะสลักจึงเลิกล้มโครงการ และทิ้งมันไว้เช่นนั้น ซึ่งน่าเสียดายว่าหากไม่ร้าวเสียก่อนเราก็จะได้เสาโอเบลิสก์ที่สูงที่สุดในโลกถึง  42 เมตร หนัก 1,168 ตัน แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่ทิ้งไว้ก็ทำให้นักโบราณคดีรุ่นหลังมีโอกาสได้ศึกษาถึงกระบวนการสร้างเสาหินในยุคโบราณ ปัจจุบัน เสาโอเบลิสก์ของอัยิปต์โบราณที่ยังคงเหลืออยู่บนโลก มีทั้งหมด 29 เสา ตั้งอยู่ในประเทศอียิปต์เอง 9 เสา ส่วนที่เหลือถูกขนย้ายไปตั้งตามประเทศต่างๆ ในแถบยุโรป

   เย็นนำท่านไปขึ้นเรือเพื่อล่องแม่น้ำไนล์ โดยพักบนเรือสามคืน

รับประทานอาหารค่ำและพักบนเรือสำราญล่องแม่น้ำไนล์ ( ห้องพักแบบ 2 เตียง ) ฟรี WiFi

4 ธันวาคม 2568    มหาวิหารอาบูซิมเบล - คอมออมโบ ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )  

  นำท่านเดินทางไปชมหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั่นคือ มหาวิหารอาบูซิมเบล ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนทางตอนใต้ของอียิปต์ มหาวิหารอาบูซิมเบล วิหารหินขนาดมหึมา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของอียิปต์ที่ชนะนิวเบียในสมรภูมิแห่งคาเดส จุดเด่นของวิหารแห่งนี้คือ รูปแกะสลักองค์ฟาโรห์รามเลส ที่นั่งประทับอยู่บนบัลลังก์หน้าวิหารถึงสี่องค์ แต่ละองค์มีความสูง 20 เมตร ประกอบขึ้นจากหินขนาดใหญ่สองก้อน มีลักษณะเป็นรูปปั้นองค์ฟาโรห์ทั้งสี่ ส่วนองค์ที่สองถล่มลงเนื่องจากแผ่นดินไหว เป็นโบราณสถานหนึ่งในมรดกโลกขององค์การยูเนสโก นอกจากนี้ยังรู้จักกันในนาม อนุสรณ์สถานแห่งนิวเบีย แต่เดิมมหาวิหารถูกก่อสร้างโดยการเจาะแกะสลักเข้าไปในภูเขาหินในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ในช่วงศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสตกาล และยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งสุดท้ายของพระองค์และพระมเหสีของพระองค์นั้นคือพระนางเนเฟอร์ทารี ซึ่งอะบูซิมเบล ยังมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกับชัยชนะของอียิปต์ที่มีต่อนิวเบียที่สมรภูมิแห่งคาเดส อีกทั้งเพื่อเป็นการข่มขู่นิวเบียไม่ให้มารุกรานอียิปต์ซึ่งเป็นอาณาจักรใกล้เคียง อย่างไรก็ตามมหาวิหารทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายโดยคณะวิศวกรจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งใช้เวลาตลอดทั้งทศวรรษที่ 1960 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน้ำท่วมจากการสร้างเขื่อนอัสวาน อันจะส่งผลให้มหาวิหารและโบราณสถานที่รายรอบอยู่ต้องจมอยู่ก้นทะเลสาบนัสซอร์ ปัจจุบันมหาวิหารเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากและโด่งดังแห่งหนึ่งของอียิปต์ 

   จากนั้นเดินทางกลับอัสวาน รับประทานอาหารกลางวันบนเรือ นำท่านล่องไปตามแม่น้ำไนล์ ไปยังคอมออมโบ

  เย็นเดินทางขึ้นเรือ รับประทานอาหารค่ำ

พักบนเรือสำราญล่องแม่น้ำไนล์ ( ห้องพักแบบ 2 เตียง ) ฟรี WiFi

5 ธันวาคม 2568   วิหารคอมออมโบ - วิหารเอ็ดฟู  ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )     

   หลังอาหารเช้า เดินทางไปชมวิหารคอมออมโบ (TEMPLE OF KOMOMBO) สร้างเพื่อถวายแด่เทพเจ้า 2 องค์ คือเทพโซเบ็ก เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์หรือเทพผู้สร้างโลก รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ซึ่งมีเศียรเป็นจระเข้ และเทพฮอรัส (HORUS) มีเศียรเป็นเหยี่ยว เป็นเทพเจ้าแห่งความดีและฉลาดรอบรู้ ซึ่งได้รับการนับถืออย่างมากจากชาวอียิปต์โบราณ ที่ผนังของวิหารคอมออมโบ ยังปรากฏภาพแกะสลักเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ปรากฎให้เห็นอยู่ นอกจากนี้ยังมีเครื่องวัดระดับน้ำ ซึ่งเรียกว่า ไนล์โลมิเตอร์ ที่เป็นตัวช่วยประเมินการบอกปริมาณผลผลิตในแต่ละปี และทำให้ทางการสามารถกำหนดระดับภาษีที่ต้องเก็บจากประชาชน

   จากนั้นนำท่านนั่งรถม้าไปยังวิหารเอ็ดฟู (Temple of Edfu) เป็นวิหารใหญ่สวยงาม อดีตวิหารนี้ถูกปกคลุมด้วยทรายเกือบถึงยอดตัวเสาและหัวเสาเป็นเวลายาวนาน ปี ค.ศ  1860 มีการขุดทรายออก ปรากฏว่าตัววิหารยังมีสภาพดีอย่างน่าอัศจรรย์ จัดได้ว่าเป็นวิหารอียิปต์โบราณที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุด สไตล์กรีก,โรมัน สร้างในสมัยพระเจ้าปโตเลมีที่ 3 เสร็จสมัยพระเจ้าปโตเลมีที่ 7 ใช้เวลาก่อสร้างถึง 180 ปี สร้างขึ้นเพื่อบูชา เทพฮอรัส (คือเทพที่มี ศรีษะเป็นนกเหยี่ยว)เทพฮอรัส เป็นเทพเจ้าแห่งความดีและความฉลาดรอบรู้ เปรียบเสมือนเป็น ตัวแทนของกษัตริย์ฟาโรห์ทุกพระองค์ เพราะฮอรัสเป็นเหยี่ยว บินสูง มองเห็นอาณาจักรได้กว้างไกล ทั่วถึง เลยเปรียบได้กับกษัตริย์ฟาโรห์ ที่ต้องดูแลผลประโยชน์,ราษฏรและความผาสุข ให้ทั่งถึงทั้งอาณาจักร มีการออกแบบโครงสร้างที่ซับซ้อนโดยนำหลักในการคำนวณทิศทางของแสงและมวล การหมุนเวียนของอากาศ ทำให้พื้นที่สำคัญในแต่ละจุดโดดเด่น ไม่เหมือนที่ใด อาทิเช่น ทางเดินลงมาของกษัตริย์ฟาโรห์ จะมีแสงส่องผ่านไล่หลังตามมา เมื่อท่านมองไป กษัตริย์ฟาโรห์แล้ว จะเหมือนเห็นเทพจากแดนสรวงสวรรค์ ที่ย่างเท้าลงมาแสดงบารมี เมื่อเดินเข้าไปจะเห็นรูปปั้นของนกเหยี่ยวสวมหมวกเทพเจ้า ที่สลักจากหินแกรนิตสีดำขนาดใหญ่อยู่ตรงด้านหน้า เมื่อเดินผ่านเข้ามาจะพบกับโถงกลางขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยเสาขนาดใหญ่ที่เรียงรายกันอยู่ 12 ต้น หัวเสาแต่ละต้นจะไม่เหมือนกัน มีทั้งแบบต้นปาปิรุส (สัญลักษณ์ของ อียิปต์บน), ดอกบัว (สัญลักษณ์ของ อียิปต์ล่าง)

   ภายในวิหารประกอบด้วยห้องต่างๆ มากมาย ซึ่งในยุคนั้นจะอนุญาตให้เข้าไปพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ชั้นได้เพียงเฉพาะกษัตริย์ฟาโรห์และพระ (นักบวช)ชั้นสูง เท่านั้น ภาพสลักบนผนังภายในวิหารแห่งนี้ มีความสวยงามและยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก มีรูปสลักกษัตริย์ฟาโรห์ถวายเครื่องสักการะเทพต่างๆ และมีรูปเทพกอดฟาโรห์ ซึ่งพบที่นี่ที่เดียว พื้นที่ชั้นในสุดที่จะเป็นที่ตั้งของเทพฮอรัส คนท้องถิ่นจะเรียกว่า วิหารแห่งเทพปักษา เพราะเมื่อท่านเดินเข้ามาภายวิหาร จะได้ยินเสียงนก นานาชนิดส่งเสียงร้องไปทั่วทั้งวิหาร เสมือนเป็นบริวารที่คอยรับใช้ และปกปักษ์ เทพฮอรัส (เทพแห่งนกเหยี่ยวผู้ยิ่งใหญ่)

เย็นเดินทางขึ้นเรือ รับประทานอาหารค่ำ ( เรือจะออกเดินทางต่อไปยังเมืองลักซอร์ )

พักบนเรือสำราญล่องแม่น้ำไนล์ ( ห้องพักแบบ 2 เตียง ) ฟรี WiFi

6 ธันวาคม 2568   Valley of the Kings - The Temple of Karnak  ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )  

***หากต้องการขึ้นบอลลูนชมหุบเขากษัตริย์ช่วงพระอาทิตย์ขึ้นในวันนี้ ต้องจ่ายเพิ่มต่างหาก

   เช้าวันนี้จะเริ่มต้นด้วยการเที่ยวชมหนึ่งในไฮไลท์ของทริปอียิปต์โบราณ นั่นคือ Valley of the Kings หุบเขากษัตริย์ เป็นหุบเขากว้างใหญ่ที่ใช้เป็นหลุมศพของกษัตริย์และราชวงศ์ในราชอาณาจักรใหม่ (ตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 18 ถึง 20 ของอียิปต์โบราณ) หุบเขาแห่งนี้ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ฝั่งตรงข้ามกับเมืองธีปส์ (หรือลักซอร์ในปัจจุบัน) ตั้งอยู่ใจกลางของธีบันเนโครโปลิส บริเวณที่อุดมสมบูรณ์ในทะเลทรายนั้นประกอบด้วย 2 หุบเขาคือ หุบเขาตะวันออก (ที่เป็นที่ตั้งของสุสานเป็นส่วนใหญ่) และหุบเขาตะวันตก

  ในปี 2006 ได้มีการค้นพบห้อง เควี 63 และในปี 2008 ได้ค้นพบทางเข้าสุสานอีก 2 แห่ง หุบเขานี้มีหลุมศพอยู่ 63 แห่งและห้องต่างๆ สลับซับซ้อนมากกว่า 120 ห้อง รวมถึงยังมีสุสานของบุคคลสำคัญอีกหลายแห่ง สุสานตกแต่งด้วยภาพของเทพเจ้าอียิปต์และได้ให้ข้อมูลความเชื่อเกี่ยวกับพิธีศพในช่วงเวลานั้น สุสานทั้งหมดดูเหมือนจะถูกเปิดและโจรรกรรมวัตถุโบราณไปแล้ว แต่ก็ยังให้แนวคิดเกี่ยวกับความมั่งคั่งและอำนาจในการปกครองในยุคนั้น

  หุบเขากษัตริย์มีชื่อเสียงอย่างมากหลังจากการค้นพบสุสานของฟาโรห์ตุตันคามุน ซึ่งเป็นที่เลื่องลือด้านคำสาปฟาโรห์ และยังถือเป็นหนึ่งในสถานที่โบราณคดีที่โด่งดังที่สุดในโลก ในปี ค.ศ. 1979 ถูกยกให้เป็นมรดกโลก ร่วมกับส่วนที่เหลือของธีบันเนโครโพลิส ปัจจุบันการค้นพบ การขุดค้นหาวัตถุโบราณ และการอนุรักษ์ยังคงดำเนินการต่อไป และยังถือเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่เปิดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เข้าเยี่ยมชมภายใต้กฏระเบียบที่เข้มงวด

  ตั๋วเข้าชมที่รวมในรายการทัวร์สามารถเลือกเข้าชมสุสานได้ทั้งหมด 3 แห่ง สำหรับสุสานตุตันคามุนต้องจ่ายค่าเข้าชมเพิ่มเองต่างหาก

  จากนั้นไปเที่ยวชม Temple of Hatshepsut วิหารฟาโรห์แฮตเซปซุต เป็นวิหารที่สร้างขึ้นจากหน้าผาหินที่มีความสูงกว่า 300 เมตร ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล หลังจากฟาโรห์ทุธโมซิสที่ 2 สิ้น ทำให้พระโอรสของพระนางไอซิสต้องขึ้นครองบังลังก์ เป็นฟาโรฟ์ทุธโมซิสที่ 3 (Tuthmosis III) แต่เนื่องจากตอนนั้นพระโอรสยังเล็กมาก พระนางไอซิสจึงต้องขึ้นครองบังลังก์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ห้าในราชวงศ์ที่สิบแปดแห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นสตรี เจมส์ เฮนรี บรีสด์ (James Henry Breasted) นักไอยคุปต์วิทยา กล่าวว่า พระนางทรงเป็นที่รู้จักกันว่า "เป็นอิสตรีผู้ยิ่งใหญ่พระองค์แรกในประวัติศาสตร์ ที่พวกเรามีข้อมูล" พระนางเป็นอิสตรีผู้ที่ครองบัลลังค์เป็นฟาโรห์องค์ที่สามแต่กลับเป็นที่รู้จักอย่างมากในฐานะ "ราชินีมีเครา" มาจากการที่พระนางได้สวมเคราปลอมเหมือนบุรุษฟาโรห์ทำกัน พระนางได้แต่งตำนานเกี่ยวกับประสูติกาลของพระนางว่า "เมื่อเทพอามุนผู้ยิ่งใหญ่แห่งนครธีบส์ หลงรักหญิงงามนามว่าอาโมส อามุนได้เข้าหานางและมีสัมพันธ์กับนาง โดยที่พระองค์อามุนแต่งตั้งบุตรีในครรภ์ของอาโมสเป็นผู้นั่งบัลลังค์ฮอรัสตลอดไป" ดังนั้นถือได้ว่าเป็นการฉลาดที่พระนางแต่งตำนานไว้เพื่อให้ไม่มีประชาชนหน้าไหนกล่าวหาพระนางได้อีก พระนางมีพระราชกรณียกิจในการบำรุงเศรษฐกิจของอียิปต์ และค้าขายกันกับดินแดนพันท์และได้ของมีค่ามากมายกลับมา โดยวิหารสุสานของนางมีชื่อว่าเดียร์-เอล-บาฮารี หรือในภาษาอียิปต์โบราณว่า"เจเซร์-เจเซร์รู"(Djeser-djeseru)

   บ่าย นำท่านไปชม วิหารคาร์นัค หรือ Great Temple of Karnak ตั้งอยู่ที่เมืองลักซอร์ ได้รับการขนานนามว่า เป็นมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม เป็น Open air Museum ที่บอกเล่าเรื่องราวของชาวอียิปต์โบราณได้เป็นอย่างดี  คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยฟาโรห์เซซอสตริสที่ 1 (Sesostris I) กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์ที่ 12 หรือปี 1991 ก่อนคริสตกาลค่ะ และได้รับการบูรณะ ก่อสร้างเพิ่มเติมในช่วงราชวงศ์ที่ 18-20 จากนั้นก็มีการบูรณะต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงสมัยที่โรมันเข้าครอบครองอียิปต์ นับเป็นเวลาติดต่อกันถึง 2,000 กว่าปี การต่อเติมวิหารคาร์นัคอยู่เรื่อยๆ นี้ทำให้พื้นที่ของวิหารกว้างขวางใหญ่โตจนกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ของอียิปต์ซึ่งรองจากพีระมิดแห่งกีซา วิหารคาร์นัคสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่ เทพเจ้าอะมอนรา (Amon-Re) หรือ สุริยะเทพ ซึ่งคือ เทพแห่งดวงอาทิตย์ ที่เป็นบิดาแห่งมวลมนุษย์ และสรรพสิ่งทั้งหลาย รวมถึงความเชื่อที่ว่า ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในชัยชนะเหนือศัตรูทั้งหลายของเหล่าฟาโรห์นั้นมาจากเทพเจ้าอะมอนราทั้งสิ้น ทำให้ที่นี่มีความสำคัญมากมายต่ออาณาจักรนี้เลยทีเดียว ความโดดเด่นของวิหารคาร์นัคนั้นอยู่ที่ รูปปั้นสฟิงซ์หัวแกะ หมอบนั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้าวิหารเรียงรายจนเข้าไปถึงด้านใน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเทพเจ้า ในส่วนหน้าของวิหารมีเสาโอเบลิสก์ตั้งอยู่ ซึ่งแต่เดิมเคยมี 2 ต้น แต่ในสมัยพระเจ้ามูฮัมหมัดได้ส่งไปเป็นของขวัญให้ฝรั่งเศส 1 ต้น ปัจจุบันจึงเหลือแค่ต้นเดียว ด้านหลังเสามีรูปสลักฟาโรห์รามเสสที่ 2 และบริเวณด้านหลังของมหาวิหาร ยังมีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีบูชาเทพเจ้าอีกด้วย

   ภายในวิหารคาร์นัคนั้นประกอบด้วย วิหารหลัก ถึง 3 วิหาร ที่รวมกันคือ วิหารเทพี Mut (เทพมารดาและราชินีแห่งเทพทั้งมวล) วิหารเทพ Montu (เทพแห่งสงคราม) ซึ่งเคยเป็นเทพประจำถิ่นนี้มาก่อน และ วิหารเทพ Amon และภายในอาณาบริเวณนี้ก็ยังประกอบด้วยวิหารอื่นๆ อีกหลายวิหาร ส่วนสำคัญที่สุดของที่นี่ก็คือ วิหาร Amon ซึ่งภายในจะมี Great Hypostyle Hall ห้องโถงที่มีเสาหินขนาดใหญ่ถึง 134 ต้น กินพื้นที่ถึง 6,000 ตารางเมตร เสาแต่ละต้นมีความสูงและกว้างใหญ่มาก โดยจะสลักอักษรภาพที่แสดงถึงวิถีชีวิต และกิจกรรมของฟาโรห์ที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องศาสนาและสงคราม เสาบางต้นตรงหัวเสามีรูปดอกปาปิรัสประดับเอาไว้  นับว่าวิหารคาร์นัคเป็นมหาวิหารอันยิ่งใหญ่มากแห่งหนึ่งของโลก โดยมีฟาโรห์ถึง 30 พระองค์ร่วมกันก่อสร้างวิหารแห่งนี้เพื่อบูชาเทพเจ้า เป็นศูนย์รวมความเชื่อ ความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวอียิปต์โบราณ และเป็นร่องรอยความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ 

เย็น เดินทางไปเช็กอินสนามบิน เดินทางกลับเมืองไคโร

พักโรงแรม Hitton Nile Tower หรือเทียบเท่า ( ห้องพักแบบ 2 เตียง ) ฟรี WiFi

7 ธันวาคม 2568   อเล็กซรานเดรีย (Alexandria) ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )

  หลังอาหารเช้า เดินทางขึ้นเหนือไปยังเมือง Alexandria city เมืองอเล็กซานเดรียอยู่ทางเหนือสุดของอียิปต์ เป็นเมืองเก่าที่ติดอยู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เคยปกครองโดยชาวเมืองอียิปต์ ดั้งเดิม ภายหลังตกเป็นของกรีก โรมัน จนมาถึงการเข้ามาของศาสนาอิสลามจากอาณาจักรออโตมัน เมืองนี้เลยมีศิลปะของทางกรีก โรมัน ตุรกี ปะปนกัน ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 3-5 ล้านคน และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง เดิมทีเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ชื่อว่า ราคอนดาห์ เมื่อประมาณ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปีก่อนคริสตกาล พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเดินทางมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมือง เพื่อใช้เป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์ เมืองอเล็กซานเดรียนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของราชินีเลอโฉมชื่อก้องโลก พระนางคลีโอพัตรา และนายทหารโรมัน มาร์ค แอนโทนี่

  จากนั้นเดินทางไปชมหลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย(Catacomb) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง สุสานของขาวโรมันในอดีตมีกว่า 50,000 ศพ สุสานใต้ดินแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นที่ 1 มีไว้สำหรับลำเลียงโลงและศพ ชั้นที่ 2 เป็นที่ฝังศพ และชั้นที่ 3 ใช้เป็นที่รวมญาติเพื่อระลึกถึงผู้ตาย โดยมีการเลี้ยงสังสรรค์กันทั้งวัน ซึ่งเล่ากันว่าตอนที่นักโบราณคดีค้นพบที่นี่เป็นครั้งแรก บนโต๊ะยังมีขวดไวน์และจานวางอยู่  

  บ่าย นำท่านชม เสาปอมเปย์ (Pompey’s Pillar) เป็นสิ่งสำคัญโบราณในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เป็นเสาแกรนิตสูง 27 เมตร ปอมเปย์ เป็นชื่อเพื่อนสนิทของ จูเลียส  ซีซ่า ผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งโรมัน ซึ่งภายหลังทั้งสองได้กลายเป็นศัตรูกันและปอมเปย์ได้หลบหนีมายังเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ และได้ถูกชาวอิยิปต์ฆ่าเสียชีวิต ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เหลือเพียงแค่เสาโบราณแบบกรีก ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น และสฟิงซ์อีกสองตัว

  เย็น ชมป้อมปราการซิทาเดล (Citadel of Qaitbay) ในอดีตนั้นเป็นที่ตั้งของประภาคารฟาโรสถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ปัจจุบันเหลือเพียงส่วนที่เป็นฐานและได้มีรับการทะนุบำรุงต่อเติมจากสุลต่านเกตย์เบย์ โดยรวบรามซากเดิมบางส่วนเข้ามา รอบๆ ป้อมมองเห็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สวยงาม

  จากนั้นนำท่านไปรับประทานอาหารค่ำ 

พักโรงแรม Tolip Alexandria หรือเทียบเท่า ( ห้องพักแบบ 2 เตียง ) ฟรี WiFi

8 ธันวาคม 2568 พิพิธภันฑ์ Egyptian Museum  ( อาหารเช้า, กลางวัน , ค่ำ )
   
หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางกลับกรุงไคโร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง

   บ่าย นำท่านไปชม พิพิธภัณฑ์อียิปต์ หรือ พิพิธภัณฑ์ไคโร เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เดิมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวมสิ่งสะสมและโบราณวัตถุอียิปต์โบราณ กว่า 150,000 ชิ้น นำมาจัดแสดงเพียงบางส่วนเท่านั้น ในปี ค.ศ. 1850 โอกุสต์ มาเรียได้รับคำสั่งจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ให้มาดำรงตำแหน่งที่อียิปต์ตั้งแต่ยุคราชวงศ์มุฮัมมัดอาลี หลังจากที่เขาศึกษาแล้วเขารู้สึกเป็นห่วงว่าโบราณวัตถุของอียิปต์จะได้รับความเสียหาย พิพิธภัณฑ์อียิปต์สร้างขื้นในปี ค.ศ. 1908 โดยบริษัทสัญชาติอิตาลี "Garozzo-Zaffarani" และมาร์เซล ดัวร์นอง เปิดบริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1902

พักโรงแรม Hitton Nile Tower หรือเทียบเท่า ( ห้องพักแบบ 2 เตียง ) ฟรี WiFi

9 ธันวาคม 2568  The Grand Egyptian Museum - Khan Khalili Bazar

   หลังอาหารเช้า เดินทางไปชม The Grand Egyptian Museum ใช้งบก่อสร้างสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 36,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 20 ปี เปิดให้ชาวโลกได้ชมปี 2023 ภายในพิพิธภันฑ์มีพื้นที่กว้างขวางราว 490,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยโบราณสถาน และวัตถุล้ำค่าทางประวัติศาสตร์เก่าแก่นานกว่า 8,000 ปี ที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี โดยไฮไลต์อยู่รูปปั้นขนาดยักษ์ของฟาโรห์ราเมซีสที่ 2 ที่จะตั้งตระหง่านอยู่ในห้องโถงหลัก และโบราณวัตถุที่ขุดพบในสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมนกว่า 5,400 ชิ้น ซึ่งไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อนอีกด้วย The Grand Egyptian Museum สร้างอยู่บนพื้นที่ลาดชัน และตัวอาคารส่วนใหญ่นั้นจะตั้งอยู่ใต้ดินเพื่อให้ไม่สร้างความรบกวนทางสายตากับโบราณสถานโดยรอบ ภายในจะประกอบไปด้วยแกลเลอรี ศูนย์ประชุม โซนร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงส่วนงานศึกษาและงานวิจัยเองก็ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เช่นกัน

    การเที่ยวชมเริ่มต้นจากรูปปั้นของฟาโรห์แรเมซีสที่ 2 ขนาดยักษ์ที่จะยืนต้อนรับผู้เข้าชมอยู่ที่โถงใหญ่อันเป็นไฮไลต์สำคัญหนึ่งของที่นี่ และที่น่าตื่นเต้นที่สุดคงหนีไม่พ้นคอลเล็กชันโบราณวัตถุของตุตันคาเมนทั้งหมดที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนกว่า 5,400 ชิ้น ซึ่งถูกขุดขึ้นมาโดย ฮาเวิร์ด คาร์เตอร์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษในปี 1922 ซึ่งมีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า หรือแม้แต่กางเกงใน ที่จะทำให้เราได้ใกล้ชิดกับฟาโรห์ตุตันคาเมนมากขึ้น เพราะเขาได้นำวัตถุเหล่านั้นมาจัดแสดงพร้อมเล่าเรื่องราวที่เข้มข้นมากขึ้น คุณจะได้รู้แม้กระทั่งว่าตุตันคาเมนนั้นกินอะไร ใช้ชีวิตอย่างไร โดยจะกินพื้นที่จัดแสดงถึง 2 ส่วนใหญ่ๆ กว่า 7,000 ตารางเมตร

  งานจัดแสดงที่คุณอาจต้องเผลอร้องว้าวคือ บันไดยาวที่จะจัดแสดงวัตถุเรียงมาตั้งแต่ยุคพรีไดนาสตี้ หรือยุคอียิปต์โบราณก่อนราชวงศ์ ซึ่งเก่าแก่ประมาณ 3,100 ปีก่อนคริสตกาล โดยจะแสดงควบคู่กับยุคก่อสร้างพีระมิดที่เรียกว่า Old Kingdom ก่อนจะค่อยๆ ขยับไปที่ยุค Middle Kingdom อันเป็นยุคที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ เนื่องจากมีชิ้นงานที่จัดแสดงน้อย ทั้งๆ ที่มีวิวัฒนาการในเรื่องของศิลปะโบราณอยู่ค่อนข้างสูง ส่วนยุค New Kingdom จัดแสดงวัตถุจากยุคของตุตันคาเมน แรเมซีส ไปจนถึงยุคเกรโก-โรมัน 

  บ่ายไปเที่ยวชมและช้อปปิ้งซื้อของฝากของที่ละลึกที่ Khan Khalili Bazar เป็นตลาดนัดและตลาดที่มีชื่อเสียง (หรือซูค) ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ก่อตั้งขึ้นในฐานะศูนย์กลางการค้าในยุคมัมลุกและได้รับการตั้งชื่อว่าเป็นหนึ่งในคาราวานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง นับแต่นั้นมา ย่านตลาดสดได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของไคโรสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวอียิปต์ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของช่างฝีมือชาวอียิปต์และเวิร์กช็อปที่เกี่ยวข้องกับการผลิตงานฝีมือและของที่ระลึกแบบดั้งเดิม ชื่อ Khan el-Khalili ในอดีตหมายถึงอาคารเดียวในพื้นที่ วันนี้หมายถึงย่านช้อปปิ้งทั้งหมด อิสระเดินเที่ยวและช้อปปิ้งตามอัธยาศรัย

  ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางไปเช็กอินสนามบินไคโร ( อิสระอาหารค่ำที่สนามบิน )

20.20 น. ออกเดินทางโดยสายการบินการ์ตาร์ เที่ยวบิน QR1308 

10 ธันวาคม 2568  กรุงเทพฯ

00.20 น. เดินทางถึงสนามบินโดฮา

02.30 น. ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน QR 836

12.50 น. เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พร้อมภาพประทับใจที่จะอยู่ในความทรงจำดีๆ ไปอีกนานแสนนาน

 

  • ไทยแลนด์โฟโต้ทัวร์  ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08113 

  • บัตรอนุญาตผู้นำเที่ยว ( Tour Leader ) นำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก เลขที่ 12.0150 จากกรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

  • แชทพูดคุยกับทีมงานของเราผ่านทาง line  คลิกที่นี่

  • ส่งอีเมล์หาเราได้ที่ sale@thailand-photo-tours.com

  • ติดตามข้อมูลข่าวสารทาง line ได้ที่ @thailandphototours

152/27 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250  โทร 096-7409991

sale@thailand-photo-tours.com

© 2021-2025 by Thailand Photo Tours

bottom of page