top of page
  • ไทยแลนด์โฟโต้ทัวร์  ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08113 

  • บัตรอนุญาตผู้นำเที่ยว ( Tour Leader ) นำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก เลขที่ 12.0150 จากกรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

  • แชทพูดคุยกับทีมงานของเราผ่านทาง line  คลิกที่นี่

  • ส่งอีเมล์หาเราได้ที่ sale@thailand-photo-tours.com

Tasmania - Australia
ทัวร์เจาะลึกเกาะแทสมาเนีย ล่าแสงใต้ (ออสเตรเลีย)
8-20 มกราคม 2569 ( 13 วัน )
( รับเพียง 8 ท่าน ) ว่าง 6 ที่

  แทสมาเนีย เกาะเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศออสเตรเลีย เกาะมหัศจรรย์สวรรค์แห่งทะเลใต้ที่มีรูปร่างละม้ายคล้ายรูปหัวใจอันเป็นสัญลักษญ์แห่งความรัก อีกทั้งยังมีความโดดเด่นทางภูมิทัศน์ที่งดงามแปลกตามากมาย รวมถึงพรรณพืชและสัตว์พิ้นเมืองที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษเหนือที่อื่นใดในโลก 

  ด้วยความหลากหลายนี้เองจึงทำให้เกาะแห่งนี้ได้รับการประกาศจาก องค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นพื้นที่มรดกโลก อีกทั้งความสวยงามของอาคารหินทรายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองที่น่าเที่ยวได้อย่างไม่หยุดยั้งแห่งนี้ และที่นี่เองคือเกาะสวรรค์ที่คุณสามารถสัมผัสได้ถึงความสุข
  "แทสเมเนีย" เกาะรูปหัวใจดวงโตแห่งนี้ ถูกแยกออกจากผืนแผ่นดินใหญ่ในยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา และนับได้ว่าเป็นเพียงรัฐเดียวของประเทศออสเตรเลียที่ไม่มีทะเลทราย มีเทือกเขาสูงอยู่หลายแห่งที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว มีชายฝั่งทะเลที่สวยงามไปด้วยหน้าผาหินทรายสีสดและผืนป่าอันกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ ดินแดนที่ได้รับการยอมรับจากชาวโลกถึงผืนป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์ที่มีอากาศบริสุทธิ์แหล่งสุดท้ายในโลกและสายน้ำที่สะอาดที่สุดในโลก เรียกได้ว่าเป็นมลรัฐแห่งธรรมชาติโดยแท้

  ทริปนี้เลือกเดินทางในช่วงเดือนมืด ทำให้มีโอกาสเห็นแสงใต้ได้ชัดเจน ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพอากาศ และความแรงของแสงใต้ในแต่ละคืน ( แสงใต้มีโอกาสเห็นตลอดทั้งปี เนื่องจากกลางคืนจะมืดตลอดปี ต่างกับแสงเหนือที่มืดเฉพาะฤดูหนาว )

  นำทริปและถ่ายภาพให้สมาชิกโดยอาจารย์ประสิทธิ์ จันเสรีกร 

พาหนะการเดินทาง : รถแวน 12 ที่นั่ง


จำนวนสมาชิก : เดินทางกลุ่มเล็ก รับเพียง 8 ท่านเท่านั้น


ค่าใช้จ่าย
ท่านละ 116,000 บาท ( ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน, อาหารกลางวันและอาหารค่ำ , วีซ่า )

จองทัวร์ : ชำระมัดจำทัวร์ 50,000 บาทในวันจองทัวร์ 

ส่วนที่เหลือชำระภายในวันที่ 8 ตุลาคม 2568


ค่าใช้จ่ายรวม​

  • ​​โรงแรมทุกแห่งตามโปรแกรม (พักห้องละ 2 ท่าน) 

  • ค่าเข้าชมสถานที่ทุกแห่งตามโปรแกรม

  • ค่าล่องเรือตามโปรแกรม

  • ค่ารถไฟไอน้ำตามโปรแกรม

  • รถแวนนำเที่ยวตามโปรแกรม

  • ประกันเดินทาง วงเงิน 3,000,000 บาท


ค่าใช้จ่ายไม่รวม

1. ตั๋วเครื่องบิน ( กรณีบินสายการบินอื่น กรุณาจองให้เวลาไปถึง Hobart ใกล้เคียงกับที่ระบุในรายการทัวร์ )

2. ค่าขอวีซ่าออสเตรเลีย

3. อาหารกลางวันและอาหารค่ำ ( ที่พักบางแห่งไม่มีอาหารเช้า )
4. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ระบุรวมในค่าทริป

สภาพอากาศ

  • มกราคม เป็นช่วงซัมเมอร์ อุณหภูมิประมาณ 10-20 องศา

 

กระเป๋าเดินทาง

  • ใบใหญ่ขนาดไม่สูงไม่เกิน 29 นิ้วท่านละ 1 ใบ


อาหาร​

  • ระหว่างเดินทางจะแวะที่ร้านอาหาร หรือช้อปปิ้งซื้ออาหารที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต

การยกเลิกทัวร์

  • ยกเลิกก่อนเดินทาง 120 วัน คืนเงินเต็มจำนวน

  • ยกเลิก 90-120 วัน หักค่าใช้จ่ายตามจริง

  • ยกเลิก 30-90 วัน หักค่าใช้จ่าย 50%

  • ยกเลิกน้อยกว่า 30 วัน ไม่คืนเงินทุกกรณี

กำหนดการเดินทาง ( พระอาทิตย์ขึ้น 06.00, พระอาทิตย์ตก 20.30 )

8 มกราคม 2569  กรุงเทพฯ
17.00 พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เค้าท์เตอร์สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์
20.00 ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน  SQ 713

23.30 เดินทางถึงประเทศสิงคโปร์

9 มกราคม 2569  โฮบาร์ต

00.25 ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน SQ 237

10.50 เดินทางถึงเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

12.40 ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน QF 929

14.00 เดินทางถึงเมืองโฮบาร์ต ประเทศออสเตรเลีย ​โฮบาร์ต (Hobart) หนึ่งในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในโลก เนื่องจากตั้งอยู่ระหว่างภูเขาเวลลิงตันกับทะเล มีทิวทัศน์สวยงามและยังเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลียอีกด้วย

พักที่ Best Western Hobart ( ห้องพัก 2 เตียง, ฟรี WiFi )

10 มกราคม 2569   Tasman National Park, Port Arthur Lavender, Port Arthur Historical Site

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินทางสู่ Port Arthur ที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ Tasman National Park ใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาที แวะชม Tessellated pavement ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งทางธรณีวิทยา เมื่อเดินไปริมฝั่งทะเลจะพบกับพื้นผิวหินที่ค่อนข้างแบนราบ ถูกแบ่งออกเป็นหลายเหลี่ยม แตกออกเป็นบล็อกที่มีลักษณะคล้ายกระเบื้องโมเสก หรือที่เรียกว่า Tessellations ดูผิดเผินเหมือนกับฝีมือการสร้างจากมนุษย์มากกว่าจากธรรมชาติ และไม่ไกลนักคุณจะได้เห็น Tasman Arch ลักษณ์เป็นสะพานหินธรรมชาติริมทะเล ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล คลื่นลม เป็นเวลานับร้อยนับพันปีที่ผ่านมา

   จากนั้นเดินทางไปชม Waterfall Bay Lookout จุดชมวิวทะเลทาสมัน มองเห็นน้ำตกไหลผ่านหน้าผาสูงชันลงสู่ท้องทะเล เป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลที่งดงาม เบื้องหน้าไกลออกไปพันกว่ากิโลเมตรคือนิวซีแลนด์เกาะใต้ซึ่งอยู่ในแนวละติจูดเดียวกับเกาะแทสมาเนีย

  จุดหมายต่อไป เที่ยวชมสวนลาเวนเดอร์ Port Arthur Lavender อันสวยงามตระการตา โดยทุ่งดอกลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งเฉพาะซัมเมอร์เดือนธันวาคมถึงมกราคมเท่านั้น โดยสวนแห่งนี้เริ่มเปิดให้บริการเดือนตุลาคม 2557 นำเสนอผลิตภัณฑ์แฮนด์เมดคุณภาพสูง โดยมีโรงกลั่นน้ำมันหอมระเหยที่หลากหลายเป็นของตนเอง เป็นสินค้ายอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือน และยังจำหน่ายสินค้าจากลาเวนเดอร์นานาชนิด 

  บ่าย นำท่านไปเที่ยวชม Port Arthur Historical Site สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก พอร์ตอาร์เธอร์เป็นเมืองและอดีตนิคมนักโทษบนคาบสมุทรแทสมัน ในรัฐแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย สถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งนักโทษออสเตรเลีย (Australian Convict Sites) ประกอบด้วยเรือนจำที่ยังหลงเหลืออยู่ 11 แห่ง สร้างขึ้นครั้งแรกในจักรวรรดิอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 18 และ 19 บนพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันอุดมสมบูรณ์ของออสเตรเลีย แหล่งเหล่านี้ รวมถึงพอร์ตอาร์เธอร์ ได้รับการขนานนามจากยูเนสโกว่าเป็น "ตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ของการขนย้ายนักโทษจำนวนมาก และการขยายตัวของอาณานิคมของมหาอำนาจยุโรปผ่านการมีส่วนร่วมและการใช้แรงงานของนักโทษ" ในปี พ.ศ. 2539 เมืองนี้เป็นสถานที่เกิดเหตุสังหารหมู่ที่พอร์ตอาร์เธอร์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลียยุคหลังอาณานิคม
  เย็น เดินทางไปชมปลายสุดของแหลมที่ Cape Raoul มีเทรลเดินเลียบหน้าผาชายฝั่งทะเลที่สูงชัน เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงามมากทีเดียว

พักที่ Lufra Beachside Hotel หากคืนนี้โชคดีและท้องฟ้าเปิด คุณอาจจะได้เห็นแสงใต้เป็นครั้งแรก

11 มกราคม 2569   Tasmanian Devil UnzooFreycinet National Park

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางไปชมสวนสัตว์ Tasmanian Devil Unzoo แนวคิดอันล้ำสมัยของสวนสัตว์อันซูถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2548 เมื่อจอน โค และเรย์ เมนเดซ ที่ปรึกษาด้านการออกแบบสวนสัตว์ผู้สร้างสรรค์สองคน ได้เริ่มต้นสำรวจแนวคิดที่จะยกระดับสวนสัตว์จากรูปแบบเดิมๆ ที่เป็นเพียงกรงสัตว์ที่จัดแสดงสัตว์ต่างๆ เพื่อความบันเทิงของมนุษย์ วิสัยทัศน์ของพวกเขาคือการสร้างสิ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง นั่นคือประสบการณ์ที่จะทำให้ผู้เข้าชมมนุษย์ได้ดื่มด่ำไปกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยมีสัตว์เป็นจุดเด่น แทนที่จะให้สัตว์อยู่ในกรงเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ สวนสัตว์อันซูจะเชิญชวนผู้เข้าชมเข้าสู่ถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งมีการรื้อหรือซ่อนกรงหรือสิ่งกีดขวางต่างๆ ออก และส่งเสริมให้สัตว์ป่าและสัตว์ที่อาศัยอยู่มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน สวนสัตว์ อุนซู แทสเมเนียนเดวิล เป็นผู้นำระดับโลกในการกำหนดอนาคตของสวนสัตว์ทั่วโลก

  บ่าย เดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติ Freycinet National Park ระยะทาง 190 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 

  อุทยานแห่งชาติเฟรย์ซิเน็ตมีมนต์เสน่ห์เฉพาะตัว ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วโลก ขึ้นชื่อเรื่องความงามอันน่าทึ่งของอ่าวไวน์กลาส น้ำทะเลใสดุจคริสตัลและหาดทรายขาวละเอียด เป็นหนึ่งในทัศนียภาพอันเลื่องชื่อที่สุดของแทสเมเนีย ช่วงเย็นจะนำท่านไปชมแสงสีพระอาทิตย์ตกอันสวยงามที่อ่าว Muirs Beach

พักที่ Edge of the Bay ( พักที่นี่ 2 คืน ) ที่พักอันยอดเยี่ยมสำหรับการชมแสงใต้ หากคืนนี้โชคดีและท้องฟ้าเปิด คุณอาจจะได้เห็นแสงใต้จากชายหาดหน้าที่พักซึ่งหันหน้าไปยังทิศใต้

Freycinet National Park.jpg

12 มกราคม 2569  Freycinet National Park

  เช้าเดินทางไปยังท่าเรืออ่าวโคลส์ ล่องเรือสัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจด้วยเรือ Schouten Passage II เรือจะออกจากชายฝั่งอันเงียบสงบของอ่าวโคลส์ไปยังหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในโลกชื่อ อ่าวไวน์กลาส ชมหน้าผาหินแกรนิตสูงชัน และใกล้ชิดกับสัตว์ป่านานาชนิด เช่น เพนกวิน โลมา และแมวน้ำ รับประทานอาหารกลางวันบนเรือ (เครื่องดื่มต้องซื้อเพิ่มเอง)

  บ่าย นำท่านเดินเทรลขึ้นเขา Wineglass Bay Track ระยะทางประมาณ 1.9 กิโลเมตร จากจุดชมวิวจะมองเห็นโค้งอ่าวไวน์กลาสที่สวยงาม เป็นภาพสัญลักษณ์ของ Freycinet National Park ที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดของแทสมาเนีย ใช้เวลาเดินไปกลับประมาณ 3-4 ชั่วโมง ( ความสูงประมาณ 400 เมตร )

พักที่ Edge of the Bay หรือเทียบเท่า หากคืนนี้โชคดีและท้องฟ้าเปิด คุณอาจจะได้เห็นแสงใต้จากชายหาดหน้าที่พักซึ่งหันหน้าไปยังทิศใต้

13 มกราคม 2569  Cape Tourville Lighthouse , St.Helens, Launceston

  วันนี้จะตื่นเช้าเพื่อไปรอชมแสงสีพระอาทิตย์ขึ้นที่ประภาคาร Cape Tourville Lighthouse ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก จากนั้นเดินทางกลับที่พักเพื่อเช็กเอ้าท์ 

  จากนั้นเดินทางต่อไปยังชายฝั่งทะเลทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ จุดหมายคือเมืองเซนต์เฮเลนส์ เป็นเมืองตากอากาศและเมืองชาวประมงยอดนิยมบนชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐแทสเมเนีย มีชื่อเสียงจากทำเลที่ตั้งบนอ่าวจอร์จส และเป็นประตูสู่อ่าวไฟร์ส เศรษฐกิจของเซนต์เฮเลนส์พึ่งพาการท่องเที่ยว การประมง และการทำไม้ และได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งการตกปลาของรัฐแทสเมเนีย เมืองนี้เปิดโอกาสให้ตกปลา ว่ายน้ำ และกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบาย และยังมีสนามบินเซนต์เฮเลนส์ที่อยู่ใกล้เคียงยังอำนวยความสะดวกในการขนส่งอาหารทะเลอีกด้วย 

  จุดหมายต่อไปแวะชมอนุสรณ์สถานต้นไม้แกะสลักเลเกอร์วูด (Legerwood Carved Memorial Trees) เป็นถนนที่ประกอบด้วยตอไม้แกะสลักจำนวน 9 ต้น ในเมืองเลเกอร์วูด เพื่อรำลึกถึงทหารผ่านศึก 7 นายที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 เดิมทีถนนที่ประกอบด้วยต้นซีดาร์จำนวน 9 ต้นนี้ปลูกขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผ่านศึก แต่หลังจากผ่านไปราว 70 ปี สภาท้องถิ่นได้ตัดต้นไม้เหล่านี้ออก ชาวบ้านจึงได้จัดให้มีการแกะสลักรูปทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 ลงบนตอไม้ เพื่อรักษาความสำคัญของอนุสรณ์สถานแห่งนี้ไว้

  บ่ายเดินทางไปชม Moores Hill Estate ไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์ที่ดำเนินกิจการโดยครอบครัว ตั้งอยู่ในหุบเขา Tamar Valley ตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Sidmouth เชี่ยวชาญด้านไวน์สำหรับพื้นที่อากาศเย็น และดำเนินกิจการโรงบ่มไวน์พลังงานแสงอาทิตย์ 100% แห่งแรกของรัฐแทสเมเนีย

  ไร่องุ่นแห่งนี้ผลิตไวน์หลากหลายชนิด รวมถึงไวน์สปาร์กลิง, Riesling, Pinot Gris, Chardonnay, Pinot Noir, Cabernet Sauvignon และ Merlot ไร่องุ่นตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้แม่น้ำ Tamar River จึงมีสภาพแวดล้อมอากาศเย็นที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการปลูกองุ่น ภายในห้องเก็บไวน์มีบริการชิมไวน์ จำหน่ายไวน์ และชิมอาหารที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของรัฐแทสเมเนีย จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองลอนเซสตัน   
  ลอนเซสตัน ตั้งอยู่ที่จุดบรรจบของแม่น้ำนอร์ทเอสก์และแม่น้ำเซาท์เอสก์ ซึ่งแม่น้ำทั้งสองสายนี้กลายเป็นแม่น้ำทามาร์ (kanamaluka) ลอนเซสตันเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองในรัฐแทสเมเนีย รองจากเมืองหลวงของรัฐโฮบาร์ต ชาวยุโรปเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2349 ลอนเซสตันเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของออสเตรเลีย และมีอาคารเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์มากมาย ลอนเซสตันยังเป็นเมืองแรกที่ใช้ยาสลบในซีกโลกใต้ เป็นเมืองแรกของออสเตรเลียที่มีท่อระบายน้ำใต้ดิน และเป็นเมืองแรกของออสเตรเลียที่มีไฟฟ้าพลังน้ำ ช่วงเย็นอิสระเดินเล่นชมเมือง

พักที่ Mercure Launceston  หรือเทียบเท่า

14 มกราคม 2569  ลอนเซสตัน, อุทยานแห่งชาติเครเดิลเมาน์เทน–เลคเซนต์แคลร์

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเที่ยวชมเมืองลอนเซสตัน เริ่มจาก Cataract Gorge Reserve ให้ท่านได้ลองนั่งกระเช้าห้อยขาชมวิวที่ได้ชื่อว่ายาวที่สุดในโลก  จากนั้นไปชมพิพิธภัณฑ์ Queen Victoria Museum and Art Gallery จัดแสดงงานศิลปะและประวัติศาสตร์ต่างๆ , และ Tamar Valley สำหรับทัวร์ชิมไวน์และผลผลิตท้องถิ่น เดินเล่นเที่ยวชม City Park ที่ออกแบบไว้อย่างสวยงาม ปิดท้ายที่ Harvest farmers market เดินชมตลาดสินค้าพืชผักผลไม้สดๆ นานาชนิด

​  บ่าย เดินทางสู่อุทยานแห่งชาติเครเดิลเมาน์เทน–เลคเซนต์แคลร์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่เซ็นทรัลไฮแลนด์สของรัฐแทสเมเนีย ห่างจากโฮบาร์ตไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 165 กิโลเมตร อุทยานแห่งนี้มีเส้นทางเดินป่ามากมาย และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินป่าตามเส้นทางโอเวอร์แลนด์แทร็กอันโด่งดัง จุดเด่นสำคัญ ได้แก่ เครเดิลเมาน์เทนและบาร์นบลัฟฟ์ทางตอนเหนือ, ภูเขาเพลิออนตะวันออก, ภูเขาเพลิออนตะวันตก, ภูเขาโอ๊คเลห์และภูเขาออสซาทางตอนกลาง และทะเลสาบเซนต์แคลร์ทางตอนใต้ของอุทยาน และอุทยานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเขตมรดกโลกป่าแทสเมเนีย

  อุทยานแห่งชาติเครเดิลเมาน์เทน–เลคเซนต์แคลร์ตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างแม่น้ำบิ๊กริเวอร์และชนเผ่าอะบอริจินทางตอนเหนือของรัฐแทสเมเนีย การใช้งานพื้นที่เครเดิลเมาน์เทนของชาวอะบอริจินมีมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย (10,000 ปีก่อน) และเชื่อกันว่าเป็นการใช้งานแบบไม่ถาวร โดยส่วนใหญ่ประกอบด้วยการล่าสัตว์ตามฤดูกาลในช่วงฤดูร้อน มีการค้นพบโบราณวัตถุและสถานที่ตั้งแคมป์หลายแห่งซึ่งมีหินและเครื่องมือหลากหลายประเภทที่เพลเลียนเพลนส์และทะเลสาบเซนต์แคลร์ และนักสำรวจยุคแรกๆ รายงานว่ามีกระท่อมในพื้นที่ ชาวอะบอริจินแทสเมเนียถูกผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรปข่มเหงเมื่อเดินทางมาถึง และพบเห็นชาวอะบอริจินกลุ่มสุดท้ายที่เป็นอิสระในพื้นที่ระหว่างบาร์นบลัฟฟ์และทะเลสาบวินเดอเมียร์ในปี ค.ศ. 1836 

พักที่ Peppers Cradle Mountain Lodge ( กลางคืนหากท้องฟ้าเปิดและแสงใต้แรงพอ จะนำท่านออกไปล่าแสงใต้ในจุดที่เหมาะสม )

15 มกราคม 2569   อุทยานแห่งชาติเครเดิลเมาน์เทน–เลคเซนต์แคลร์

  หลังอาหารเช้า นำท่านท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเครเดิลเมาน์เทน Cradle Mountain) เป็นการเดินเทรลแบบเต็มวัน เริ่มต้นที่ทะเลสาบโดฟ เป็นทางเทรลง่ายๆ ให้เดินวนรอบทะเลสาบ ได้เห็นทิวทัศน์รอบทิศพาโนรามา 360 องศา ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินชมวิวและถ่ายภาพราว 3 ชั่วโมง ทิวทัศน์ที่สวยงามจะสร้างความประทับใจได้อย่างไม่รู้ลืม โดยเฉพาะวิวทะเลสาบโดฟที่มีภูเขาเครเดิลสูง 1,545 เมตรเป็นฉากหลัง

  อาหารกลางวันเป็นแบบปิคนิก เตรียมกันมาเอง โดยจะรับประทานอาหารกันริมทะเลสาบ จากนั้นจะเดินผ่านทะเลสาบ Lake Lilla และทะเลสาบ Wombat Pool จนถึงทะเลสาบริมปล่องภูเขาไฟ เราจะเดินขึ้นไปถึงจุดชมวิว Marions Lookout ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร ความสูง 300 เมตร ณ จุดนี้จะมองเห็นวิวรอบทิศในมุมสูงแบบพาโนรามา จากนั้นเดินลงกลับในเส้นทางเดิม

พักที่ Peppers Cradle Mountain Lodge ( กลางคืนหากท้องฟ้าเปิดและแสงใต้แรงพอ จะนำท่านออกไปล่าแสงใต้ในจุดที่เหมาะสม )

16 มกราคม 2569   Queenstown

  หลังอาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่ควีนส์ทาวน์ ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ควีนส์ทาวน์เป็นเมืองเล็กๆ ที่กำเนิดมาจากการทำเหมืองแร่เก่าแก่ในภูมิภาคชายฝั่งตะวันตกของเกาะแทสเมเนีย ตั้งอยู่ในหุบเขาบนเนินเขาทางตะวันตกของภูเขาโอเวน บนเทือกเขาเวสต์โคสต์ มีประชากรราวสองพันคน นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนเป็นครั้งแรกมักจะประทับใจกับความงามของ "ทิวทัศน์ราวกับอยู่บนดวงจันทร์" ของเมืองควีนส์ทาวน์ และผืนน้ำสีส้มของแม่น้ำควีน ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากการทำเหมืองมากว่าศตวรรษ นำท่านเที่ยวชมและสำรวจเมืองควีนส์ทาวน์ซึ่งมีจุดถ่ายภาพที่สวยงามมากมาย นำท่านเดินทางขึ้นไปบนภูเขาที่ล้อมรอบเมืองควีนส์ทาวน์ มองเห็นทิวทัศน์เฉดสีชมพูและเทาที่แปลกตา ซึ่งเกิดจากหินคอนกลอเมอเรตบนภูเขาสองลูกที่อยู่ติดกันมากที่สุด คือ ภูเขาไลเอลล์และภูเขาโอเวน  

พักที่ Gold Rush Inn Queenstown

Queenstown moonscape.png

17 มกราคม 2569    นั่งรถไฟเครื่องจักรไอน้ำเวสต์โคสต์วิลเดอร์เนส

  หลังอาหารเช้า เดินทางไปสถานีรถไฟควีนส์ทาวน์ เพื่อขึ้นรถไฟไอน้ำแบบโบราณย้อนยุค รถไฟเวสต์โคสต์วิลเดอร์เนสเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของลูตรูวิตา การเดินทางจะผ่านภูมิประเทศอันห่างไกลของเวสต์โคสต์ นับเป็นการเดินทางด้วยรถไฟสายมรดกที่น่าจดจำและประทับใจอย่างแท้จริง รถไฟจะแวะที่สถานีลินช์ฟอร์ดเพื่อชมสาธิตการร่อนหาทองคำและเดินชมห้องไพโอเนียร์ จากนั้นรถไฟจะมุ่งหน้าสู่ป่าฝนอันกว้างใหญ่ และจอดพักที่สถานีรินาดีนา ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการชิมช็อกโกแลตและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก จากนั้นเดินทางกลับสถานีควีนส์ทาวน์

  บ่าย เดินทางกลับโฮบาร์ต ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง

พักที่ Best Western Hobart (สองคืน)

West Coast Wilderness Railway.jpg

18 มกราคม 2569   โฮบาร์ต, แบตเตอรีพอยต์, Elizabeth Street Mall, 

  หลังอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเที่ยวชมเมืองโฮบาร์ตเต็มวัน โฮบาร์ต เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของรัฐเกาะแทสเมเนีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐแทสเมเนีย ริมปากแม่น้ำเดอร์เวนต์ เป็นเมืองหลวงที่อยู่ใต้สุดของออสเตรเลีย แม้จะมีประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของแทสเมเนีย แต่โฮบาร์ตก็เป็นเมืองหลวงของรัฐที่มีประชากรน้อยที่สุดของออสเตรเลีย และมีขนาดเล็กเป็นอันดับสองในแง่ของจำนวนประชากรและพื้นที่รองจากดาร์วิน นำท่านเดินเที่ยวชมท่าเรือของเมือง ซึ่งเป็นท่าเรือธรรมชาติที่ลึกเป็นอันดับสองของโลก โดยพื้นที่ริมน้ำของเมืองส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ถมทะเล เขตมหานครมักเรียกกันว่าเกรทเทอร์โฮบาร์ต เพื่อแยกความแตกต่างจากเมืองโฮบาร์ต 

  ในปี ค.ศ. 1804 เดวิด คอลลินส์ ผู้ว่าราชการแทนพระองค์ท่านแรก ได้ตั้งชื่อเมืองโฮบาร์ต หรือ โฮบาร์ตัน ตามชื่อลอร์ดโฮบาร์ต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงครามของอังกฤษในขณะนั้น และอาณานิคมต่างๆ (ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นฮิวเบิร์ต โดยเน้นเสียงพยางค์ที่สอง) เมืองนี้ได้รับการตั้งชื่อเฉพาะว่าโฮบาร์ตในปี ค.ศ. 1881 และมีผู้อยู่อาศัยที่รู้จักกันในชื่อโฮบาร์ต และนักสำรวจ ชาลส์ ดาร์วิน มาเยือนเมืองโฮบาร์ตในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1836 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจบีเกิล เขาเปรียบเทียบเมืองนี้กับซิดนีย์และยกย่อง "ป่าอันสูงส่ง" ต่อมาเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับโฮบาร์ตและปากแม่น้ำเดอร์เวนต์ในหนังสือชื่อ The Voyage of the Beagle

   นำท่านเดินเที่ยวชมและช้อปปิ้งที่ศูนย์การค้า Elizabeth Street Mall เป็นศูนย์การค้าแบบถนนคนเดินในเมืองโฮบาร์ต ตั้งอยู่บนถนน Elizabeth Street ทอดยาวหนึ่งช่วงตึกระหว่างถนน Collins Street และถนน Liverpool Street เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในใจกลางเมืองโฮบาร์ต นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์และแหล่งแสดงดนตรีเปิดหมวกที่คึกคัก ปัจจุบันถนนสายนี้เป็นหนึ่งในถนนที่พลุกพล่านที่สุดในเมือง

  จากนั้นนำท่านไปเดินเที่ยวชม ซาลามังกาเพลส เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมริมน้ำที่มีชีวิตชีวา ตั้งอยู่ในโกดังหินทรายเก่าแก่ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหอศิลป์ ร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ต่างๆ มีชื่อเสียงจากการจัดงานตลาดซาลามังกาทุกวันเสาร์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของแทสเมเนีย นำเสนอผลผลิตท้องถิ่น สินค้าหัตถกรรม และดนตรีสด ย่านนี้มีบรรยากาศที่คึกคัก ผสมผสานระหว่างแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ริมน้ำที่งดงาม และชุมชนศิลปะที่เจริญรุ่งเรือง 

  ปิดท้ายวันนี้ที่ย่านแบตเตอรี่พอยต์ เป็นย่านชานเมืองของโฮบาร์ต ตั้งอยู่ทางใต้ของย่านธุรกิจใจกลางเมือง เดินขึ้นบันไดเคลลีในยุคอาณานิคม นำท่านเดินขึ้นไปตามตรอกซอกซอยและถนนอันเงียบสงบของแบตเตอรี่พอยต์ ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของโฮบาร์ต ภาพของบ้านเรือนที่ทำจากหินทรายในศตวรรษที่ 19 ดูมีเสน่ห์แปลกตาน่าบันทึกภาพเป็นอย่างยิ่ง

  ย่านแบตเตอรี่พอยต์เคยเป็นหมู่บ้านคนยากจน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมของโฮบาร์ต และเป็นย่านชานเมืองที่ทันสมัยสำหรับการอยู่อาศัย โดยบ้านส่วนใหญ่ได้รับการปรับปรุงภายในเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างความทันสมัยและความมีเสน่ห์แบบโลกเก่า บ้านเล็กๆ หลายหลังถูกดัดแปลงเป็นเกสต์เฮาส์ที่สวยงามดูคลาสสิก

   เราจะเดินผ่านถนนแฮมป์เดนซึ่งเป็นถนนสายหลักของแบตเตอรีพอยต์ เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟที่ดีที่สุดของเมืองโฮบาร์ต ร้านขายงานศิลปะ ร้านขายของที่ระลึก และร้านเบเกอรี่สไตล์โฮมเมดที่ตกแต่งด้วยอิฐสไตล์ชนบท พื้นไม้ เพดานสูง และผนังกระจกเปิดโล่ง ร้านกาแฟที่เพิ่งเปิดใหม่ในแบตเตอรีพอยต์ยังคงกลิ่นอายแบบโพสต์โมเดิร์นไว้ ประกอบด้วยร้านน้ำชาสไตล์ชนบทแต่มีเสน่ห์ เสิร์ฟอาหารสด มังสวิรัติ และวีแกน เด็ดผักสดๆ จากสวน รวมถึงร้านสมูทตี้ที่ได้แรงบันดาลใจจากคอมบิ ซึ่งสะท้อนถึงยุคของน้ำผลไม้คั้นเย็นและสมูทตี้โบวล์ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากร้านที่ครั้งหนึ่งเคยเสิร์ฟแต่เนื้อสัตว์และผัก 3 ชนิด เป็นการปิดทริปแทสมาเนียอันน่าประทับใจ

พักที่ Best Western Hobart

19 มกราคม 2569   โฮบาร์ต 

09.30 เช็กอินสนามบิน

12.35 ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน SQ 6663

14.25 เดินทางถึงซิดนีย์

19.10 ออกเดินทางต่อโดยเท่ียวบิน SQ 242

20 มกราคม 2569   สิงคโปร์ - กรุงเทพฯ

00.20 เดินทางถึงสิงคโปร์

07.05 ออกเดินทางต่อโดยเที่ยวบิน SQ 706

08.30 เดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมภาพประทับใจที่จะอยู่ในความทรงจำดีๆ ไปอีกนานแสนนาน

  • ไทยแลนด์โฟโต้ทัวร์  ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08113 

  • บัตรอนุญาตผู้นำเที่ยว ( Tour Leader ) นำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก เลขที่ 12.0150 จากกรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

152/27 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250  โทร 096-7409991

sale@thailand-photo-tours.com

© 2021-2025 by Thailand Photo Tours

bottom of page